พระนครศรีอยุธยา-แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เปิดใจสร้าง”พระอารยตารามหาโพธิสัตว์”กระตุ้นสำนึกกตัญญู ร็จักคำว่า”แม่”ช่วยทุกเรื่องอย่างไม่ปฎิเสธ
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน เดินทางไปประกอบพิธีปิดพระอุระรูปหล่อพระอารยตารามหาโพธิสัตว์ที่โรงหล่อเอเซียไฟน์อาร์ท อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการสร้างพระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ที่จะนำไปประดิษฐานที่เสถียรธรรมสถานแห่งที่สอง ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยพิธีดังกล่าวแม่ชีศันสนีย์ ได้มีเจริญภาวนาจิตก่อนการเชื่อปมปิดในส่วนของพระอุระหรือส่วนหน้าอก โดยการประกอบพิธีได้เข้าไปประกอบพิธีภายใน เสมือนเอาดวงใจของท่านเข้าไปยังรูปหล่อดังกล่าวด้วย สร้างความปลื้มปิติแก่ผู้ที่มาร่วมพิธีครั้งนี้อย่างมาก
แม่ชีศันสนีย์ กล่าวว่า พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ทรงเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ที่ไม่ปฎิเสธการช่วยเหลือ เป็นพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ซึ่งการสร้างเพื่อยกย่องความเป็นแม่ เป็นการระลึกถึงความสำเร็จ ที่มาจากแม่ ซึ่งความสำเร็จนั้นมาจากการที่แม่ไม่ปฎิเสธความช่วยเหลือใดๆ หรือหากจะกล่าวได้ว่า แม่เป็นผู้ฉุดช่วย ไม่มีคำปฎิเสธ การสร้างพระอารยตารามหาโพธิสัตว์ จึงต้องการกระตุ้นให้ทุกคนที่ร่วมสร้าง มีกตัญญู และสำนึกเสมอว่าชีวิตเรามีแม่คอยช่วยเรา ทำอะไรก็ให้คิดถึงคำสั่งสอน การช่วยเหลือ การไม่ปฎิเสธของแม่ การที่เราขาดคุณธรรม ขาดความดี และได้รับคำเตือนจากแม่ ก็จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างดีมีสติ หลังจากที่สร้างเสร็จจะนำไปประดิษฐานที่เสถียรธรรมสถานแห่งที่สอง ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นหุบเขาโพธิสัตว์ เนื้อที่นับร้อยไร่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะเป็นเสมือนบ้านของแม่ ที่จะช่วยทุกข์สู่ความสุข จากความไม่สามัคคีมาสู่ความสามัคคี
สำหรับพระอารยตารามหาโพธิสัตว์นี้ อยู่ระหว่างการสร้าง โดยจะมีความสูงประมาณ 26.5 เมตร หน้าตัก 12 เมตร จากพระบาทถึงเศียรประมาณ 21 เมตร เป็นการหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ลักษณะของพระอารยตารามหาโพธิสัตว์ พระบาทขวา ยื่นออกมาโดยมีดอกบัวรองรับเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการก้าวออกไปทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติ พระบาทซ้าย นั่งพับพระบาทในท่าสมาธิหมายถึงการดำรงสติอย่างรู้ตัวทั่วพร้อม พระหัตถ์ขวา หงายออกแสดงให้เห็นถึงการคุ้มครองและความตั้งใจในการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ลักษณะการถือดอกบัวในพระหัตถ์ขวาเป็นการถืออย่างสบายๆ แสดงถึงการถืออย่างไม่ยึดติด พระหัตถ์ซ้าย ยกขึ้นเสมอไหล่ ถือดอกบัวเป็นการแสดงถึงปัญญาและมหากรุณาที่พร้อมจะเป็นผู้ให้แก่สรรพชีวิต
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2549 แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เดินทางไปร่วมการสัมมนาโลกเรื่องชุมชนเมือง ครั้งที่ 3 (World Urban Forum 3) ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้รับมอบพระอารยตารามหาโพธิสัตว์จากกัลยาณมิตรนาม คุณฮง เชม ชาวพุทธมาเลเซีย อดีตผู้อำนวยการบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยในโลก องค์การสหประชาชาติ พร้อมคำกล่าวที่ว่า “ตารากลับบ้าน” วันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นหนึ่งในวันแห่งประวัติศาสตร์ของเสถียรธรรมสถาน ด้วยพระอารยตารามหาโพธิสัตว์ได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการถาวร ณ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างศานติ วันที่ 27 มิถุนายน 2561 ’ตารา’ ได้ ‘กลับบ้าน’ กลับเข้ามาอยู่ในหัวใจของพวกเราทุกคนเป็นปีที่ 14 
แม่ชีศันสนีย์ ยังกล่าวด้วยว่า คติในการทำงานอย่างพระโพธิสัตว์ คือการสั่งสมบารมีโดยการก้าวออกไปทำงานเพื่อความสงบเย็นและเป็นประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งคุณธรรม สำคัญที่ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผู้ปฏิบัติได้ถึงซึ่งโพธิญาณ มี 10 ประการ ได้แก่ 1. ทานบารมี หมายถึง การสละออก การให้ต่างๆ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสำคัญ 2. ศีลบารมี หมายถึง การรักษาศีลให้เป็นปกติ 3. เนกขัมมบารมี หมายถึง การออกบวช หากฆราวาสถือศีล 8 ก็นับเป็นเนกขัมมบารมีได้เช่นกัน เพราะเป็นการกระทำเพื่อเว้นจากกามสุข 4. ปัญญาบารมี หมายถึง การกระทำเพื่อเพิ่มพูนปัญญา 5. วิริยบารมี หมายถึง การกระทำที่ใช้ความเพียรเป็นที่ตั้ง มีความพยายามทำตามกำลังจนกว่าจะสำเร็จ 6. ขันติบารมี หมายถึง การอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆ 7. สัจบารมี หมายถึง การรักษาคำพูด ไม่กลับกลอก 8. อธิษฐานบารมี หมายถึง การตั้งจิตมั่นต่อคำอธิษฐาน 9. เมตตาบารมี หมายถึง การมีความรักต่อสัตว์ทั้งหลายในโลกประดุจมารดารักบุตร 10. อุเบกขาบารมี หมายถึง การวางเฉย มีใจเป็นกลาง และทำงานโดยใช้หัวใจโพธิสัตว์นำพาสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นความทุกข์ และอุปสรรคทั้งปวงไปสู่ความปลอดภัย ด้วย คุณธรรม 8 ประการ คือ ไม่มีความถือตัวอวดดี ไม่มีความโง่เขลา ไม่มีความอาฆาตพยาบาททั้งปวง ไม่มีความอิจฉาริษยา ไม่มีความคิดเห็นที่ผิด ไม่มีความโลภ ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น และไม่มีความยึดติด ความเคลือบแคลงสงสัยทั้งปวง
รวมทั้งมีความสุขด้วย สุข 3 ขั้น อันได้แก่ สุขขั้นที่ 1 สุขง่าย…ใช้น้อย ได้แก่ ไม่หวังให้คนอื่นต้องตามใจเราทุกอย่าง ไม่คบเพื่อนเพื่อหวังผลประโยชน์จากเพื่อน ทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ปรารถนาลาภเพื่อประโยชน์ตน สุขขั้นที่ 2 สุข…เมื่อสร้าง ได้แก่ ไม่กลัวต่ออุปสรรคในการพัฒนาตน ไม่กลัวต่อทุกปัญหาในทุกการทำงาน เตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพื่อความไม่ประมาทกลัวต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย และสุขขั้นที่ 3 สุข…เมื่อให้ ได้แก่ ให้อภัยเมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือติเตียนนินทา มีสุขอยู่ในการทำงานโดยไม่ต้องการให้เสร็จอย่างร้อนรน ไม่ประมาทต่อการดำรงตนจึงไม่กลัวต่อภัอันตราย 
เสถียรธรรมสถาน ทำงานด้วยรักของ ‘หัวใจผู้หญิง หัวใจแม่ หัวใจโพธิสัตว์’ โอม ตาเร ตุตตาเร ตุเร สวาหา (บทสวดบูชาพระอารยตารามหาโพธิสัตว์) ผู้หญิงต้องทุ่มเทเต็มที่ ต้องมุ่งมั่นในการเรียนรู้ พระพุทธองค์ได้ประทานสิทธิ์ให้แก่เราว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีโอกาสเท่าเทียมกัน เราจึงต้องทำให้ดีที่สุด ต้องเร่งศึกษา ต้องทำให้เกิดความพร้อมในตัวของเรา เพราะการศึกษาเป็นวิถีทางที่จะนำไปสู่การรักษาสิทธิ์นั้น เสถียรธรรมสถานจึงสร้างวิถีชีวิตแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย เพื่อนำชีวิตให้ถึงจุดหมาย 3 ขั้นสู่ความเป็นบัณฑิต คือ ‘ประโยชน์ปัจจุบัน’ มีสุขภาพดี มีอาชีพสุจริต มีสถานภาพดี มีครอบครัวผาสุก เพื่อใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น ‘ประโยชน์เบื้องหน้า’ คือ มีหลักยึดเหนี่ยวใจให้เข้มแข็งด้วยศรัทธา มีความภูมิใจในชีวิต สะอาด มีความอิ่มใจที่ได้เสียสละ มีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา มีความมั่นใจในผลของกรรมดี ‘ประโยชน์อย่างยิ่ง’ คือ เมื่อถูกโลกธรรมกระทบก็ไม่หวั่นไหว เพราะไม่ยึดติด จิตจึงโล่งเบา เป็นอิสระจากทุกข์ มีความสุขที่แท้ ไม่เป็นแค่เหยื่อ รู้เท่าทันเหตุปัจจัย ชีวิตจึงผ่องใสด้วยปัญญา ประโยชน์ 3 อย่างนี้จึงเกื้อกูลต่อการพัฒนาสติปัญญาของมวลมนุษยชาติให้มีความเจริญงอกงามไปสู่สังคมของอริยชน พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ทรงเป็นสัญลักษณ์ของความดีที่มีการกระทำด้วยจิตที่หลุดพ้น ทรงมีความกรุณาและปัญญาพร้อมที่จะช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ระลึกถึงท่าน ทรงได้รับการบูชาอย่างยิ่งในเรื่องความสามารถเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทรงเป็นแสงสว่างแห่งความรัก
