สองแม่ลูกร้องสื่อ”ขอความเป็นธรรม”โวยศิลปากรยกเลิกสัญญาเช่าส้วม ไม่แจ้งล่วงหน้า แต่ให้ต่างชาติทำต่อ วอนเห็นใจครอบครัวลำบาก
นางบุญนาค โกมินทร์ อายุ 36 ปี พร้อมด้วยนางวัลลา มาลัย อายุ 58 ปี มารดา อยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 5 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว โดยนำหนังสือสัญญาเช่าห้องสุขา บริเวณโบราณสถานวัดมหาธาตุมาแสดง
นางบุญนาค เปิดเผยว่าตนและมารดาเช่าห้องสุขาและแผงขายของที่ระลึกบริเวณสถานที่ดังกล่าวมานานเกือบ 20 ปีแล้ว โดยเช่ากับทางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เดือนละ 4 พันบาท โดยมีหน้าที่ทำความสะอาดห้องน้ำทรงไทยที่มีอยู่เพียง 4 ห้องเท่านั้น และบริหารจัดการด้วยการเก็บค่าบริการเพียงคนละ 5 บาท โดยเช่ามาตั้งแต่นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้เงินจากการขายของที่ระลึกและเก็บค่าเข้าห้องน้ำเลี้ยงครอบครัวมาต่อเนื่อง ปรากฏว่าจู่ๆเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มาแจ้งว่าไม่ต่อสัญญาการเช่าห้องน้ำแล้ว และสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยจะไม่มีการเก็บค่าเข้าห้องน้ำแล้ว ยกเว้นห้องน้ำของบริษัทเอกชนที่เช่าอยู่ เก็บต่อไปในราคาคนละ 10 บาท หลังจากนั้นก็นำผ้าสแลนมาขึงกั้น และแจ้งว่าจะทำการปรับปรุงและให้เอกชนมาดูแล ตนึงได้ร้องขอความเป็นธรรมจากทางผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ให้เช่าแล้วเช่นกัน
นางบุญนาคกล่าวว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากไม่มีการแจ้งล่วงหน้า อีกทั้งยังทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนเนื่องจากไม่รู้ว่าจะไปทำอาชีพอะไร ซึ่งทางผู้อำนวยการบอกเพียงว่าเป็นเรื่องปัญหาของครอบครัวตนที่ต้องไปแก้ไขหรือประหยัดเอง ซึ่งเชื่อว่าการยุบส้วมที่ตนเก็บค่าเช้าบริการอยู่เพียงคนละ 5 บาท เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับห้องน้ำเอกชนที่เข้ามาประกอบกิจการทั้งที่วัดมหาธาตุและวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งกำลังมีปัญหาลักษณะเดียวกัน โดยสัญญาการเช่าส้วมไทยเป็นปีต่อปี แต่ส้วมที่เอกชนมาเช่าเป็นสัญญา 3 ปี จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อเข้ามาตรวจสอบว่าห้องน้ำเอกชนเข้ามาบริหารจัดการได้อย่างไร เพื่อความโปร่งใสต่อไป
