พระนครศรีอยุธยา-คุยกับผู้ประกอบการสถานบันเทิงย่านตลาดแกรนด์กรุงเก่าเขตโซนนิ่งพิเศษ หลังปลดล็อคดาวน์โควิด ชีวิตเปลี่ยน
ตลาดแกรนด์อยุธยาเป็นที่รู้จักของผู้ที่ชื่นชอบแสงสีกลิ่นอายยามราตรี แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับสถานบันเทิงในเมืองใหญ่ๆหรือแหล่งท่องเที่ยวดังๆ แต่สถานบันเทิงย่านตลาดแกรนด์ก็เป็นสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ของคนชอบสีสันกลางคืนไปนั่งดื่มฟังเพลงในสไตน์ต่างๆ โดยเฉพาะร้านประเภทคาราโอะ บาร์ญี่ปุ่น บาร์คาวบอย ซึ่งหลังจากปิดกิจการไปในช่วงโควิดตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม 63 ทำให้ย่านตลาดแกรนด์เงียบกริบ และกระทบกับร้านค้ามากมายที่เกี่ยวข้องกับคนเที่ยวกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นร้านก๊วยเตี๋ยว ข้าวต้ม สารพัด
อ้อย ผู้ประกอบการสถานบริการบาร์ญี่ปุ่น เช่าอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นอยู่ในซอย 7 เช่นเดียวกับเพื่อนๆที่ทำธุรกิจคล้ายๆกันอีกอย่างน้อย 5 ร้าน เปิดใจให้ฟังว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศพ.ร.ก.และมีมาตราการหยุดกิจการประมาณ 20 มีนาคม ตนก็หยุดทุกอย่าง พนักงานต้อนรับสาวๆในร้านก็ต้องหยุด วันรุ่งขึ้นตนเองก็เดินตามกลับต่างจังหวัดทันที โดยไม่คิดว่าการประกาศหยุดสถานบริการประเภทสถานบันเทิงของตนนี้ ต้องหยุดยาว อีกทั้งการเดินทางกลับบ้าน ก็ยังต้องมีกระบวนการกักตัววุ่นวายกันพอสมควร จึงไม่ได้กลับมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยาอีก อีกมุมหนึ่งก็ดีเพราะสถานบริการของตน เป็นร้านที่ต้องอาศัยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น คนโรงงานญี่ปุ่นที่อยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พวกนี้ไม่ได้กลับประเทศเขาก็โดนสั่งห้ามออกมาเที่ยวเตร่ด้วย ทำให้ไม่สามารถขายได้ การหยุดจึงเป็นการดีที่ไม่ต้องแบกภาระค้าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายที่รวมแล้วต้องจ่ายเดือนละ 5 หมื่นกว่าบาท ขณะที่ยังต้องจ่ายค่าเช่าอาคารเดือนละ 2 หมื่นบาทต่อเนื่อง มาเป้นเวลา 5 เดือน เป็นเงิน 1 แสนกว่าบาท ส่วนตนเองกลับบ้านไปลงทุนปลูกผักขาย 3 เดือนได้รายได้เป็นค่ากับข้าวเล็กๆน้อยๆ
การรอคอยความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่หวังว่าจะดีขึ้น จึงเป็นความหวังเดียวในการกลับมาฟื้นฟูสถานบริการของตน เช่นเดียวกับร้านอื่นๆ และเมื่อรัฐบาลประกาศปลดล็อคเมื่อประมาณวันที่ 1 ก.ค.63 สถานบริการต่างๆ พากันเปิดให้บริการทันที เปิดไฟสว่างไสว พนักงานต้อนรับมานั่งรอคอยลูกค้า ร้านไหนที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ก็จะได้เปรียบ และมีลูกค้ามากทันที จากการอัดอั้นที่หยุดการเที่ยวเตร่มานาน แต่สถานบริการแบบพวกตน ที่เป็นบาร์ต่างชาติ ยังไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ เนื่องจากต่างชาติยังไม่กลับมาเที่ยว ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ บางปะอิน ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังไม่กลับมาเที่ยว เนื่องจากทางบริษัทสั่งห้ามออกมาเที่ยวเด็ดขาด
ความหวังของเจ้าของกิจการสถานบริการประเภทบาร์ญี่ปุ่น หรือต่างชาติ จึงยังไม่ดีขึ้น และยังไม่รู้ว่าจะแบกภาะไปถึง 3 เดือนหรือไม่ กว่าจะเปิดให้คนต่างชาติเข้าประเทศ แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่าต่างชาติจะกลับมาเที่ยวเมื่อไหร่ อาศัยคนไทยก็ไม่กล้าเข้ามาเที่ยวบาร์ประเภทนี้ สิ่งหนึ่งที่ขอบคุณคือได้เงินเยียวยาเดือนละ 5 พันบาท แต่ก็ต้องลุ้นพอสมควร เนื่องจากทำเรื่องถึงสองครั้งกว่าจะได้ ซึ่งหากรัฐบาลมีมาตราการจะช่วยเหลืออย่ากให้ช่วยเหลือโดยตรงกับผู้ประกอบการเลย โดยดูจากการที่พวกตนเสียภาษีสถานบันเทิงหรือสถานบริการ
อองจี้ เจ้าของร้านอองจี้บาร์ เป็นบาร์ประเภทนั่งดื่มเปิดโอเพ่นแตกต่างจากบาร์ญี่ปุ่น บอกว่าตนโชคดีที่ได้ลูกค้าเก่าเป็นคนไทยมานั่งดื่ม แม้ว่าในยามปกติจะมีชาวต่างชาติบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าจะต้องประคองตัวเองไปให้ได้ โดยขณะนี้ทางร้านเปิดขายอาหารเพื่อรองรับลูกค้าด้วย ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น
