พระนครศรีอยุธยา-งงเป็นไก่ตาแตก ชาวบ้านพระแก้วภาชีสุดเครียด ประกาศแนวเขตที่ดินทำชาวบ้านต้องเปลี่ยนภูมิลำเนากว่าร้อยหลังคาเรือน งงเป็นไปได้อย่างไร ยังหาข้อยุติไม่ได้ วอนรัฐแก้ปัญหาข้อพิพาท
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 7 มีค ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน หมู่ 3 ต.พระแก้ว อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าทางกรพทรวงมหาดไทยได้มีประกาศเรื่องการกำหนดแนวเขตตำบล ปี 2540 ทำให้พื้นที่ของ ต.พระแก้ว อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จะต้องไปขึ้นอยู่กับ อำเภอนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา กินพื้นที่กว่า 2 พันไร่ ซึ่งมีผลทำให้ชาวบ้านในเขต ต.พระแก้ว ได้รับความเดือดร้อนจะต้องเปลี่ยนแปลงหลักฐานทางบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งปัญหายืดยาวมานาน ทำให้ชาวบ้านพากันหวาดผวา เนื่องจากมีการมายืนแนวเขตและเจรจากัน หาข้อยุติไม่ได้ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายบำรุง ก้อนทอง ประธานศูนย์ยุติธรรมอำเภอภาชี เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายชรินทร์ ศาสตร์สมัย ผญบ.หมู่ 4 ต.พระแก้ว อ.ภาชี ว่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการกำหนดแนวเขตตำบล พ.ศ.2540 ได้กำหนดแบ่งพื้นที่สองตำบลไม่สอดคล้อง ถูกต้องกับสภาพภูมิประเทศจริง สภาพชุมชนที่อยู่อาศัย และวิถีชีวิตของประชาชน เนื่องจากพื้นที่ ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง ได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของราษฎร หมู่ 1,3,4 และ 5 ต.พระแก้ว อ.ภาชี ทั้งที่หลักฐานทางราชการอื่นๆเช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานที่ดิน ก็ปรากฏเป็นหลักฐานราชการว่า อยู่ในพื้นที่ตำบลพระแก้ว แต่เมื่อพิจารณาประกาศกำหนดแนวเขตดังกล่าวกลับพบว่า อยู่ในพื้นที่ ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง ทำให้เกิดปัญหากระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนใน ต.พระแก้ว ได้แก่การแก้หลักฐานเอกสารสิทธิที่ดิน การเลือกตั้ง การติดต่อราชการ การเก็บภาษี สภาพการดำรงอยู่ของผู้นำ ซึ่งจะมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมดอำนาจไปอย่างน้อย 2 คน ซึ่งทางศูนย์ยุติธรรมอำเภอภาชี ได้มีการหารือกับทางอำเภอทั้งสองแห่ง และส่งหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจน หรือหาข้อยุติได้
นายบำรุง ยังกล่าวด้วยว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องเพราะคณะกรรมการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปี 40 ได้มีการกำหนดแนวเขตคลาดเคลื่อนและทับซ้อน ทำให้ราษฎรเดือดร้อนในเรื่องเอกสาร สิทธิ ชาวบ้านพระแก้วเป็นชาติพันธุ์อยู่มานาน แต่ทางราชการไปใช้คลองมาแบ่งเขตซึ่งไม่ถูกต้อง นครหลวงถูกพระแก้กินเข้ามาสองฝั่งพื้นที่จำนวนกว่า 2 พันไร่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องสั่งการและตรวจสอบข้อเท็จจริง มีการเจรจากันหลายครั้ง ทางชาวบ้าน ต.พระแก้ว ขอให้ยึดของเดิม ต้องกำหนดเขตไม่ให้เดินร้อนประชาชน ทางยุติธรรมอำเภอรับเรื่องแล้ว จะต้องดูแลในเรื่องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด แต่เห็นใจว่าชาวบ้านขณะนี้เป็นทุกข์มาก ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือให้แก้ไขแล้ว เมื่อปี 51 และ 57 แต่ก็ยังไม่จบ ต้องแก้ที่ราชการไม่ได้แก้ที่ราชการ ตอนนี้ ต.หนองปลิง และ ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง จ้องมายึดดินแดนพระแก้วอย่างเดียว ไม่มีวิธีการแก้ไข
นายศิริวัฒน์ แย้มศิริ ผญบ.หมู่ 1 ต.พระแก้ว เปิดเผยว่า แนวเดิมพาะแก้วแนวสีชมพูตามพื้นที่ แต่หนองปลิงสีเขียว ทับซ้อนเข้ามาหลังประกาศ การมีปัญหาของ ต.หนองปลิง ได้เป็นเพราะมีการประกาศโดยใช้คลองเป็นเขต จึงยังมีชาวบ้าน ต.พระแก้เข้าไปอยู่จำนวนมาก คือถ้าใช้ตามประกาศก็จะมีชาวบ้าน ต.พระแก้ว เข้าไปอยู่ ต.บ้านชุ้ง จำนวนมาก ชาวบ้านจึงไม่สบายใจ
ด้านนายสิริศักดิ์ ทัศยาพันธ์ นอภ.ภาชี กล่าวว่าตนมารับตำแหน่งก็ทราบว่ามีปัญหานี้อยู่ และยังแก้ไขไม่ได้ ในส่วนตัวแล้วต้องไปแก้ไขในระดับคณะกรรมการจังหวัด หรือกระทรวง เนื่องจากเป็นเรื่องของระดับสูง ตนไม่สามารถที่จะชี้เข้าข้างพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบอยู่ได้ ด้านนางกชนิภา ผลวัน อายุ 63 ปีบ้านอยู่ ม.4 ต.พระแก้ว อ.ภาชี เปิดเผยว่าหลังจากทราบว่าบ้านของตนเองจะมีพื้นที่ครึ่งหนึ่งเข้าไปอยู่ใน ต.บ้านชุ้ง อ.นครหลวง ก็รู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าหากเข้าไปอยู่จรงิจะเป็นอย่างไร เนื่องจากต้องเปลี่ยนแปลงหลักฐานเอกสารต่างๆวุ่นวายไปหมด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: