ททท.ภาคกลางจูงมือเจ้าถิ่นพาสื่ออยุธยาไปชมความงามของเมืองเพชรบุรี หวังดึงนักวิ่งร่วมงามวิ่งประจัน 100 อัลตร้ามาราธอน วันที่ 24-26 มิ.ย.นี้
นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ททท. นางสาวชมพู มฤศโชติ ผู้อำนวยการ ททท.เพชรบุรี พร้อมด้วย นางสาวสุภาพันธุ์ จันทร์งาม หัวหน้าสำนักงานภาคกลาง 3 ททท. นำสื่อมวลชนจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปชมความงดงามของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นที่วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี – สุโขทัย มีอายุราว 800 – 1,000 ปี โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459 วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี ภายในพระวิหารหลวงของวัดประดิษฐานพระพุทธรุปสำคัญ คือ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ ด้านหลังพระวิหารหลวง คือ พระปรางค์ 5 ยอด อยู่ภายในวิหารคต ทางด้านทิศใต้ของพระวิหารหลวง คือ พระวิหารน้อย และวัดมหาธาตุวรวิหารยังได้สร้าง พิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นที่รวมรวมศิลปะ ความเป็นมาต่าง ๆ ของวัด โดยที่กลายเป็นจุดสนใจมากเมื่อมีการสร้างรูปปั้นล้อม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แบกจานพระด้วย
ออกจากวัดมหาธาตุ พาชมความเป็นอัตตลักษณ์ของตลาดเก่าชุมชนริมน้ำเพชรบุรี ที่ผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีความโดดเด่นของศิลปะด้วยการวาดภาพแมวไว้ตามผนังในเส้นทางที่เดินผ่าน ว่ากันว่าเป็นความชอบของคนเพชรบุรีที่รักแมว จึงเห็นภาพแมวเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น จากนั้นแวะรับประทานข้าวแช่จากร้านชื่อดังเก่าแก่ชื่อว่าร้านแม่อร มีความเป็นกลิ่นอายของชุมชนเก่า เดินออกจากร้านแม่อรเราก็ชมตลาดชุมชนของเพชรบุรี และเลาะถนนข้ามสะพานหัวช้างไปรับประทานข้าวที่ร้านชื่อว่า ระเบียงริมน้ำ ร้านนี้มีเมนูเด็ดหลายอย่างอธิ แกงหัวตาล ผัดพริกปลาดุก ขนมตาลอันเลื่องชื่อเมืองเพชร ที่เป็นฝีมือของ ลุงทอม เจ้าของร้านที่มาคอยต้อนรับ ร้านนี้มีอายุนานมาก 
บ่ายกว่าๆเดินชมวิถีคนเมืองเพชรที่โชว์บ้านเก่าพร้อมประวัติเจ้าของบ้านให้เราเรียนรู้ตลอดเส้นทาง ซึ่งสองข้างทางมีการปรับปรุงเป็นร้านกาแฟเล็กๆ รสชาติอร่อยมากมาย เช่น Pagoda Café เป็นร้านกาแฟสไตน์ลอฟท์ ที่ต้องชื่นชมคือตลอดเส้นทางมีแผนที่และป้ายบอกทางอย่างชัดเจน ไม่ต้องกลัวหลง แวะสักการะรูปปั้นสุนทรภู่ ใกล้กับวัดพลับพลาไชย เดินไปดูภาพเก่าที่บ้านของลุงสนั่น พยัคฆ์พฤกษ์ แฟนพันธ์แท้มิตรชัยบัญชา ที่เก็บความทรงจำของพระเอกตลอดกาลเป็น บ้านเล่าเรื่องหนังเก่ามิตรชัยบัญชา ที่ภายในเป็นภาพที่ลุงเก็บไว้อย่างดีให้ผู้คนเข้าชม รวมทั้งยังมีบ้านนักเขียนอย่าง มนัส จรรยงค์ ราชาเรื่องสั้น คนเพชรบุรี ที่เราไปหลังวันเกิดของท่าน 1 วัน
หากจะเดินชมความงดงามของเมืองแพชรบุรี และความเป็นวิถีคนเมืองเพชร วันเดียวคงไม่จบ ก่อนออกจากตัวเมืองมีโอกาสแวะไปวัดใหญ่สุวรรณาราม เดิมชื่อว่า “วัดน้อยปักษ์ใต้” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี วัดได้รับการปฏิสังขรณ์ที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 4 มีอาคารสำคัญได้แก่ พระอุโบสถเป็นศิลปะอยุธยา มีภาพทวารบาล จิตรกรรมภาพเทพชุมนุมเรียงรายกัน 5 ชั้น จุดเด่นคือภาพยักษ์และอมนุษย์ทั้งหลายเป็นหน้าเนื้อ ไม่ใช่การวาดเหมือนสวมหัวโขนโดยทั่วไป พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยรูปหล่อพระสังฆราชแตงโม หน้าบันเป็นงานรูปปั้นสมัยอยุธยาตอนปลายที่งามพลิ้วราวมีชีวิต วิหารคต ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นสถาปัตยกรรม-ศิลปกรรมยุคอยุธยาตอนปลาย สร้างด้วยไม้ พระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ รื้อมาถวายพระสังฆราชแตงโมโดยมีบานประตูแกะสลักที่งดงามและมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปกรรมนั่นคือเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย และที่บานประตูมีหลัก มีรอยแผลบนประตู ทำให้มีประตูแตก ชำรุดถาวร เรียกรอยพม่าฟัน แต่นักวิชาการให้ความเห็นว่า น่าจะเป็นการทำลายประตูตั้งแต่ครั้งรื้อตำหนักถวายสมเด็จเจ้าแตงโม (พระสุวรรณมุณี) พระสังฆราช เกี่ยวเนื่องกับเรื่องวิญญานเจ้าฟ้าพระขวัญ เจ้าของตำหนักเดิม ที่ถูกพระเจ้าเสือสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเพทราชาประชวรใกล้สวรรคต หอเก็บพระไตรปิฏก เป็นอาคารไม้ผนังฝาปะกน รองรับด้วยเสาไม้ 3เสา จากแนวคิดที่ว่า พระไตรปิฎก ประกอบด้วย 3 ปิฎกคือ พระธรรมปิฏก พระไตรปิฏก และพระสุตันตปิฎก ที่นี่ยังมีกลุ่มของน้องๆเยาวชนคนรักเพชรบุรี ที่มาศึกษาหาความรู้ด้านวัฒนธรรมประเพณี
นอกจากการท่องเที่ยวชมความงามทางสถาปัตยกรรม วิถีชีวิต ของคนเมืองเพชรบุรีแล้วยังมีการท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติ เช่นเที่ยวชมสวนทุเรียน เงาะ มังคุดและผลไม้หลากหลายที่ไร่เกษร มีนายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล หรือพี่กบ กรรมการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพชรบุรี ให้การต้อนรับพานำชม หรือจะไปชิมชาโมโรเฮยะ หรือผักพระราชา ที่กำลังได้รับการกล่าวถึง พร้อมกาแฟที่ปลูกจากที่นี่ไร่เพชรมาลัยกุลของนายวิทยา เพชรมาลัยกุล เนื้อที่กว่า 200 ไร่ ก่อนที่จะไปพักที่ Leaves Valley Resort ซึ่งจะเป็นสถานที่หลักในการจัดกิจการวิ่งประจันต์ 100 ใกล้กันนั้นก็มีร้านอาหารเบญเยี่ยม เมนูอร่อยมากมาย ปิดท้ายที่สวนรุกชาติสุขใจ ซึ่งมีพันธ์ไม้นานาชนิด บรรยากาศร่มรื่นสามารถกางเต็นท์ได้ 
นางสาวจุฑาทิพย์ กล่าวว่า ในวันที่ 24-26 มิ.ย.นี้ จะมีกิจกรรม”วิ่งข้ามจังหวัด” ประจันต์ 100 อัลตร้ามาราธอน จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยภูมิภาคภาคกลาง จังหวัดเพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี Kob Trekking ระยะ 35K, 70K และ 105K จะได้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวกันทุกคน ด้วยเส้นทางวิ่งรอบเขื่อนแม่ประจันต์ ที่จะพาทุกคนวิ่งผ่านเขตจังหวัดเพชรบุรี อำเภอหนองหญ้าปล้อง ข้ามไปถึงเขตอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ก่อนจะวนกลับมาที่เส้นชัย (หรือครบรอบ) ที่ฝั่งเพชรบุรีอีกครั้ง ระหว่างวิ่งถ้าเพื่อนๆ ได้มีโอกาสพูดคุยทักทายกับชาวบ้านระหว่างทาง อาจจะแอบสังเกตได้ถึงสำเนียงท้องถิ่นที่แตกต่างของทั้ง 2 จังหวัดได้ไม่ยาก เป็นอีกหนึ่ง เสน่ห์และสนุกของงานนี้ Prachan Ultra 100 งานวิ่งใหม่ล่าสุด โดยทีมผู้จัด Pribpree Eco Trail และสนามซ้อมแนวใหม่ The Booster ครั้งนี้จะชวนเพื่อนๆ มาวิ่งกึ่งเที่ยว สนามเบาๆ เส้นทางยาวๆ กับสถานที่แห่งใหม่ใกล้กรุง ที่นี่คือ “อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์” หรือรู้จักกันในชื่อเขื่อนแม่ประจันต์ อำเภอหนองหญ้าปล้อง อีกหนึ่งของดีจังหวัดเพชรบุรี ที่เราอยากแนะนำทุกคนมาสัมผัสและทำความรู้จัก เดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง ใกล้แค่นี้เอง เส้นทางไม่ยาก ถนน 70% ครอสคันทรี่ 20% แถมเทรลเบาๆ ให้อีก 10% วิ่งสนุก ท้าทายแต่ไม่อันตราย ที่สำคัญ วิว-สวย-มากกก เส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ การันตีเลยว่าสวยมากจริงๆ 1 รอบ 35 กิโลเมตร เลือกได้เลยว่าจะวิ่งกี่รอบ กับ 3 ระยะให้เลือก 35 กิโลเมตร (1 รอบ) ค่าสมัคร 500 บาท 70 กิโลเมตร (2 รอบ) ค่าสมัคร 900 บาท 105 กิโลเมตร (3 รอบ) ค่าสมัคร 1500 บาท และเพิ่ม 3 ระยะสั้น วิ่งชมสันเขื่อน (ไม่วิ่งรอบเขื่อน) 5 กิโลเมตร (ขึ้นสันเขื่อน) ค่าสมัคร 150 บาท 10.5 กิโลเมตร (วิ่งเต็มความยาวสันเขื่อน 1 รอบ) ค่าสมัคร 300 บาท 21 กิโลเมตร (วิ่งเต็มความยาวสันเขื่อน 2 รอบ) ค่าสมัคร 500 บาท ติดตามรายละเอียดที่ https://www.facebook.com/PrachanUltra100/
