พระนครศรีอยุธยา-นายกสมทรง เทศบาลนครฯ “ไม่ทิ้งกัน” จับมือ อบจ.สมุทรปราการ เดินหน้ายกทัพกู้พื้นที่ถูกน้ำท่วมให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมให้เร็วที่สุด ขณะที่รองนายกฯ เยียวยาปูพรมมอบถุงยังชีพทุกชุมชนประสบภัย สมาคมชาวปักใต้ไม่ทิ้งกันมอบน้ำดื่มให้วัดศาลาปูนฯ เป็นศูนย์กลางไปมอบให้วัดที่ประสบภัย
ระดับน้ำเริ่มลดลง วันที่ 19 ตุลาคม ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ไม่รอช้า มอบหมายให้ ดต.สุรินทร์ ผดุงเพียร รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้างานป้องกัน เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำกำลังคนงานและเครื่องจักร ทำการกู้คืนพื้นที่ลานวัดวงฆ้องที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม. เพื่อให้ประชาชนในละแวกดังกล่าวสามารถ ใช้ลานดังกล่าว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ ด้วยการวางแนวกระสอบทราย และได้รับการสนับสนุนรถสูบน้ำระยะไกล จาก อบจ.สมุทรปราการ ด้วยความช่วยเหลือประสานงานจาก นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และน.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ รวมถึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมทำการกู้พื้นที่น้ำท่วม ให้กับประชาชนตามชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย จนทำให้พื้นที่และถนนบริเวณดังกล่าวสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว
ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ทาง อบจ.สมุทรปราการ มีความห่วงใยประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งมอบเรือพร้อมเครื่องยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้กับประชาชน รวมถึงส่งมอบเครื่องมือ ต่าง ๆ ให้กับทางเทศบาล นำไปช่วยเหลือประชาชน รวมถึงช่วยเหลือประชาชนใน เขตตำบลข้างเคียง มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้พื้นที่หลายจุดสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุดด้วย เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ใช้ทั้งกำลังคนและกำลังเครื่องจักรในการป้องกันเกาะเมืองให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ ปลอดภัย ส่วนฝั่งตรงข้ามเกาะเมืองพยายามให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุด ที่จะต้องให้กลับมาสู่ภาวะปกติ
ขณะเดียวกันว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ยังได้มอบหมายให้ นางรุ่งรัศมี สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา พ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา สมาชิกสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ร่วมแจกถุงยังชีพประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัยน้ำท่วมบ้านเรือน ในเขตชุมชน 11 ชุมชนของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา คือ 1.ชุมชนบ้านประตูชัย 2.ชุมชนประตูจีน 3.ชุมชนป้อมเพชร 4.ชุมชนวัดกุฎีทอง 5.ชุมชนกลาโหม 6.ชุมชนวัดญาณเสน 7.ชุมชนวัดขุนแสน 8.ชุมชนวัดราชประดิษฐาน 9.ชุมชนตำหนักแพ 10.ชุมชนวัดวงษ์ฆ้อง 11.ชุมชนทุ่งแก้ว-กรุงเก่า รวมทั้งสิ้น 1,082 ชุด
นางรุ่งรัศมี สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า นายกเทศมนตรีนครฯ ได้มีความห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมบ้านเรือน และได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวันทำให้ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาจัดทำถุงยังชีพพร้อมนำมาแจกจ่ายเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นในช่วงน้ำท่วมสูง ซึ่งหลังจากระดับน้ำมีปริมาณลดลงจะได้เร่งลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือเยี่ยวยาตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ตามยังมีความช่วยเหลือจากภาคเอกชนมากมายที่เข้ามาช่วยเหลือคนในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เป็นการเยียวยาจิตใจ โดย ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร ต.ท่าวาสุกรี นายศิวัฒน์ เพ็ชรมังกร ยี่สุ่นแสง นายกสมาคมชาวปักใต้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้นำน้ำดื่ม จำนวน 350 แพ็ค มอบ ให้กับ ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา และพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสศาลาปูนวรวิหาร เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเขตรับผิดชอบ โดยทางวัดศาลาปูนวรวิหาร จะได้นำน้ำดื่มที่ได้รับมาไปมอบให้กับวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วย สำหรับการช่วยเหลือประชาชนของทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยทางว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ จัดถุงยังชีพ เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชน โดยมีคณะผู้บริหารเทศบาล ร่วมกับสมาชิกสภาเทศบาลลงพื้นที่ตามชุมชน ต่าง ๆ รวมจำนวนทั้งสิ้น 60,00 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น 
จังหวัดฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 16 อำเภอ ปัจจุบัน มีประชาชนได้รับผลกระทบน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน รวม 15 อำเภอ 156 ตำบล 1,019 หมู่บ้าน 73,438 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 13,417.1 ไร่ รวมทั้งบ่อปลา กระชัง โค กระบือ ศาสนสถาน รวม 188 แห่ง ได้แก่ วัด 172 แห่ง โบสถ์ 1 แห่ง มัสยิด 15 แห่ง โรงเรียน 43 แห่ง สถานที่ราชการ 51 แห่ง (รพ.สต.)ถนน 30 สาย แต่สามารถสัญจรไป-มาได้ปกติ โบราณสถาน นอกเกาะเมือง 83 แห่ง ไม่กระทบกับโครงสร้าง ส่วนโบราณสถานสำคัญภายในเกาะเมืองอยุธยา ได้ป้องกันขั้นสูงสุด ยังสามารถมาท่องเที่ยวได้ตามปกติ
