พระนครศรีอยุธยา-ชาวบ้านหลังทราบข่าว สคบ.ศูนย์ดำรงธรรม จับร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมือง 3 ร้านใหญ่ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ต่างยกมือท่วมหัว พบเด็กนักเรียนซื้อกันเป็นประจำ เรียกร้องให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นางสยุมพร กุลสุข หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายทวิพงษ์ รัตนศักดิ์ ปลัดป้องกันอำเภอ รับมอบหมายจากนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับนายนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ.นำกำลังเข้าจับกุมร้าน จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า สินค้าอันตราย ห้ามจำหน่าย ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/ 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งอยู่กลางเมืองพระนครศรีอยุธยาและใกล้กับสถานศึกษา โดยเข้าจับกุมที่ ร้าน DUBAL BOY VAPE ตั้งอยู่ที่ 141/29 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา ร้าน HULK ตั้งอยู่ที่ 77/4 ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา และร้านBESTVA ไม่ทราบเลขที่ อยู่บริเวณตลาดเจ้าพรหม ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา โดยตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ พร้อมผู้ต้องหาที่ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างมาขายจำนวน 3 คน นำส่งสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา
นายเลิศศักดิ๋ กล่าวว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งบางร้านได้ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาล อีกทั้งระหว่างเข้าจับกุมยังพบว่ามีนักเรียนจำนวนมากเข้าไปซื้อน้ำยาและสิ่งเสพติดที่ทำลักษณะล่อใจเด็ก โดยที่สลดใจคือมีเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าอายุน้อยสุด 8 ปี ถึง12 ปี จึงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องร่วมมือกัน ซึ่งหลังจากจับกุมได้แล้วนำตัวผู้ต้องหาที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างต่างด้าวจำนวน 3 คนส่งสภ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจะได้ส่งของกลางและผู้ต้องหาทั้งหมดดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่าหลังจากที่ประชาชนในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาทราบข่าวการจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ต่างพากันยกมือสาธุท่วมหัว เพราะเคยมีการแจ้งเบาะแสและร้องทุกข์ไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ก็ไม่มีการจับกุม อีกทั้งการจับกุมที่ผ่านมายังเป็นการจับกุมเฉพาะบางร้านเท่านั้น ซึ่งอยากให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือผู้ว่าราชการจังหวัดฯเอาจริงก็ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่จัดการปล่อยให้มีรา้นเหล่านี้เปิดใกล้กับสถานศึกษา
