พระนครศรีอยุธยา-พ่อเมืองสั่ง..จัดเต็มการแสดงแสงเสียง”อโยธยา ยศเกริกฟ้า วีรกษัตรา ศิลป์เรืองรุจี ไมตรีสยามนครา ” แต่งไทยเที่ยวงานมรดกโลกส่งท้ายปี 2566 ประดับไฟนับล้านดวง เนรมิตเมืองสว่างไสว ร้านเด็ดบนถนนกินเส้น นทท.แห่จองโรงแรมเต็ม
งานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกและงานกาชาดประจำปี 2566 วันที่ 15-24 ธันวาคม 2566 กลางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีอะไรบ้างมาดูกัน เริ่มกันวันที่ 13 ธันวาคม บวงสรวงดวงพระวิญญาณบูรพมหากษัตริย์ และการรำของสตรีอยุธยา 1,800 คนนำโดยนางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯและนางนลินี ด่านชัยวิจิตร รองสภาวัฒนธรรมจังหวัดฯ โดยที่วัดมหาธาตุ วันที่ 14 ธันวาคม เป็นการแสดงแสงเสียงรอบสื่อมวลชน ก่อนที่จะแสดงจริงเต็มรูปแบบวันที่ 15 ธันวาคม พร้อมพิธีเปิดงานและการประกวด THE BEST TO BE NUMBER ONE ที่เวทีกลาง ส่วนวันที่ 16 ธันวาคม การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเยาวชนคนเก่ง วันที่ 17 ธันวาคม ประกวดหนูน้อยกรุงเก่า วันที่ 18 ธันวาคม ประกวดร้องเพลงกำนันผู้ใหญ่บ้าน วันที่ 19 ธันวาคม ประกวดอยุธยาทาเล้นจ์ วันที่ 20-21 ธันวาคม การประกวดดนตรี วันที่ 22 ธันวาคม การประกวดร้องเพลงกำนันผู้ใหญ่บ้านรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 23 ธันวาคม การประกวดมีสอยุธยา วันที่ 24 ธันวาคม เป็นวันสุดท้ายของงานก็จะมีการโชว์จากผู้ที่ชนะจากทุกเวที ก่อนที่จะมีการจับรางวัลสลากกาชาด ซึ่งปีนี้รางวัลที่ 1 ยังคงเป็นรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ และฮอนด้าซิตี้และรถจักรยานยนต์ 
นอกจากกิจกรรมที่มีขึ้นที่เวทีกลางแต่ละวันแล้ว บริเวณวงเวียนศาลหลักเมืองปีนี้ มีการประดับไฟสวยงามและยังมีการสร้างป้อมค่าย มีศาสตราวุธและปืนใหญ่นับสิบกระบอกมาให้เป็นพรอปถ่ายภาพกัน โดยสามารถเช่าชุดไทยได้จากร้านให้เช้าชุดไทยที่อยู่บริเวณนั้น ในราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท หลังจากนั้นเดินเที่ยวชิมอาหารในถนนกินเส้น บอกเลยว่าปีนี้ทางจังหวัดคัดร้านก๊วยเตี๋ยวดังๆ มาจากทุกอำเภอ มีการประดับไฟสวยงามตลอดเส้นทาง ซึ่งปีนี้มีการเพิ่มอุโมงค์ไฟมีสีสันสวยงาม และจุดถ่ายภาพมากขึ้น ซึ่งบริเวณถนนกินเส้นสามารถเดินไปเชื่อมถนนที่จัดในส่วนของเกษตรจังหวัด มีทั้งการประกวดมากมาย เช่นเดียวกับด้านถนนหน้าสำนักงาน ททท. ปีนี้เป็นของพัฒนาชุมชนยาวไปจนถึงศาลากลางจังหวัดฯหลังเก่า มีการประดับไฟสวยงาม ย้อนมาทางด้านหน้าเทคนิคถ่ายภาพที่อุโมงค์ไฟและสามแยก ที่ประดับไฟทั้งข้างบนและข้างล่างต้นไม้ ตลาดย้อนยุคปีนี้อาหารพื้นบ้านเพียบ ก่อนเข้าชมการแสดงแสงเสียง นอกจากนี้อย่าลืมแวะไปอุดหนุนมัจฉากาชาด และซื้อสลากกาชาดกันด้วย โดยพบว่าขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจองที่พักเพื่อมารอชมแสงเสียงจำนวนมากแล้ว 
หลายคนที่จะไปชมการแสดงแสงเสียงปีนี้ ยิ่งใหญ่และงดงามมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยสตาร์ ไลท์แอนด์ซาวด์ เราไปดูว่ามีฉากที่น่าสนใจอะไรบ้างเป็นน้ำจิ้ม โดยองก์ที่ 1 อยุธยาราชธานีแดนสวรรค์ กล่าวถึง ในปี พ.ศ. 1893 ตามตำนาน กล่าวว่าได้เกิดโรคระบาดพระเจ้าอู่ทอง จึงทรงอพยพผู้คน ย้ายเมืองจากฝั่งตะวันออก ของเกาะเมืองมายังบริเวณหนองโสน ซึ่งเป็นที่รวมแม่น้ำสามสาย คือ เจ้าพระยา ลพบุรี และ ป่าสัก พระเจ้าอู่ทอง เล็งเห็นถึงชัยภูมิที่ดี เหมาะแก่การสร้างอาณาจักรเพื่อการติดต่อค้าขาย การเกษตรกรรม แล เพื่อเป็นการตั้งที่มั่น ในการรวมอาณาจักรไทยฝ่ายเหนือ และใต้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เราจึงขอเสี่ยงสัตย์ โยนดาบเพื่อหาจุดกึ่งกลาง ในการสร้างพระนคร องก์ที่ 2 ลือเลื่องจอมกษัตริย์ ขัตติยนารี คือองก์ที่กล่าวถึง ความเสียสละ ความกล้าหาญของวีรกษัตรี แห่งกรุงศรีอยุธยา องค์วีรสตรีสุริโยไท ที่ทรงเครื่องราชณรงค์เป็นชาย เข้าสู่สมรภูมิในสงครามช้างเผือก เข้ารับพระแสงของ้าวของพระเจ้าแปรแม่ทัพแห่งกรุงหงสาวดี อริราชศัตรู ในขณะที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์พระสวามีเพลี่ยงพล้ำ ถือเป็นการเสียสละเพื่อปกป้องแผ่นดินอโยธยาไว้ แล สร้างวีรกรรมรอยจารึกแห่งความหาญกล้าของวีรสตรีไทย
องก์ที่ 3 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกู้ปฐพี คือองก์ที่กล่าวถึง การเสียกรุงครั้งที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๑๑๒ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ได้ทูลขอพระนเรศ ในวัย ๙ ชันษา ต่อพระมหาธรรมราชา เพื่อไปเป็นองค์ประกันยังหงสาวดี ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ พระนเรศได้ฝึกฝนเพลงศาสตราวุธ ต่างๆ จนเชี่ยวชาญ เพื่อหมายพระทัย จักทำการกอบกู้เอกราชคืนกลับจากหงสาวดี จวบจน ณ เพลาหนึ่งที่พระองค์มีความกล้าแกร่ง ทางอยุธยาจึงได้ขอแลกองค์ประกันโดยเสด็จพระนเรศวรกลับมายังอโยธยา แต่ส่งเสด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ไปยังหงสาวดีเพื่อทดแทนความมั่นใจ (ชมการแสดงในฉาก ประกาศอิสรภาพ ซ้อมรบ ซ้อมช้าง และ ยุทธหัตถี ที่สุดยิ่งใหญ่อลังการ)
องก์ที่ 4 เลิศล้ำกวีกานท์ สานสัมพันธ์นานาชาติ คือองก์ที่กล่าวถึง ในยุคความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดของแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เป็นยุคทองแห่งการค้าขาย ยุคสมัยแห่งความมั่นคงทางการเมือง ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความรุ่งเรืองทางด้านการทูตย์ รวมถึง ความวิจิตรล้ำเลิศในประเพณีแลศิลปวัฒนธรรม องก์ที่ 5 อยุธยามิเคยสิ้นคนดี คือองก์ที่กล่าวถึง เหตุการณ์ความอาเพศ อุบาทว์เหตุก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระยาตากแม่ทัพคนสำคัญแห่งกรุงศรี ผู้ที่มีปรีชาสามารถทำการฝ่าวงล้อมข้าศึก ออกไปทางฝั่งตะวันออก เพื่อรวมไพร่พลในการกลับมากอบกู้พระนครคืนจากอังวะ ชมการแสดงประกอบฉาก ในการใช้เรือรบโจมตีค่ายอังวะ และ ทัพม้าเจ้าตาก ตีค่ายโพธิ์สามต้น ประกาศเอกราชความเป็นไท จนไทยมีเอกราชตราบการปัจจุบัน
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผว่า การจัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15 – 24 ธันวาคม 2566 (รวม 10 วัน 10 คืน) ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ระนครศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศผ่านต้นทุนทางวัฒนธรรม Soft Power of Thailand อย่างสร้างสรรค์ และเพื่อเป็นการตอกย้ำให้โลกรู้ว่าอยุธยามีดี ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) รวมถึงเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณีไทย พร้อมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอเชิญชวนแต่งกายผ้าไทยร่วมประกาศความเป็นเมืองมรดกโลกด้วย
นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กำหนดออกร้านกาชาด โดยจัดกิจกรรมมัจฉากาชาด มีของรางวัลจำนวนมาก เพื่อหารายได้ไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัยพิบัติ โดยจ าหน่ายบัตร ราคาบัตรละ 20 บาท ซึ่งท่านสามารถตักไข่ในบ่อมามัจฉากาชาด เพื่อลุ้นนำไปขึ้นรางวัลพิเศษได้อีกด้วย
นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน การจัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก โดยในทุก ๆ ปี อบจ.พระนครศรีอยุธยา จะจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดงาน จำนวน 3 ล้านบาท ให้แก่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสนับสนุนการจัดงานดังกล่าว รวมทั้งออกบูธจัดกิจกรรม แจกสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงผ่านช่องทางออนไลน์ สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยวทุกท่าน
