ที่จ.ชลบุรี ตำรวจพัทยา ซ้อมแผนเผชิญเหตุโจรปล้นร้านทองกลางห้างดังพัทยาหวั่นซ้ำรอยเหตุลพบุรี ใช้เวลา 15 นาทีรวบคนร้ายพร้อมของกลางได้ตามแผน
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
เวลา 15.00 น.วันนี้ (21 ม.ค.) พ.ต.ท.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการเพื่อซักซ้อมแผนเผชิญเหตุโจรบุกปล้นร้านทอง “ออโรร่า” ภายในห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเป็นการสร้างความอบอุ่นและมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวรวมทั้งผู้ประกอบการ และยังเป็นการทดสอบศักยภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้จำลองสถานการณ์ที่มีคนร้ายเป็นชายไทย สวมผ้าปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนบุกปล้นร้านทองภายในห้างจำนวนกว่า 10 บาทก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดรอไว้บริเวณด้านหน้าห้างหลบ หนีไป โดยหลังเกิดเหตุทางผู้ประกอบการได้รีบประสานงานกับเจ้าหน้าที่และแจ้งรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย จึงได้มีการแจ้งสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่สายตรวจตามจุดต่างๆสกัดจับอย่างเร่งด่วน กระทั่งสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้บริเวณซอยเพนียดช้าง ถ.พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประ มาณ 3 กิโลเมตร ก่อนนำตัวพร้อมของกลางมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยใช้เวลาในการปฏิบัติการเพียง 15 นาทีเท่านั้น
พ.ต.ท.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่าสถานการณ์ดังกล่าวทาง สภ.เมืองพัทยา ได้มีการวางแผนและแนวทางการปฏิบัติไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะร้านทองในพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างในห้าง สรรพสินค้าซึ่งไม่มีตู้กรงเหล็ก และมีการป้องกันอย่างมิดชิดเหมือนในร้านทองด้านนอก ซึ่งอาจเกิดเหตุได้เหมือนร้านทองในพื้นที่ จ.ลพบุรี ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์และแจ้งให้ผู้ประกอบการได้รับทราบถึงวิธีการปฏิบัติและขั้นตอนหากถูกก่อเหตุ อาทิ การจดจำรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และการแจ้งเหตุผ่านแอปพลิเคชั่น Police I Love You ซึ่งจะทำให้การแจ้งเหตุและการเข้าพื้นที่และสกัดจับเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
พ.ต.ท.นิทัศน์ กล่าวต่อไปว่านอกจากกรณีดังกล่าวแล้วปัจจุบันได้แจ้งให้ทางผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมในการป้องกันเหตุด้วย อย่าง การติดตั้งผนังกระจกเพื่อป้องกันการเข้าถึงตัวซึ่งมีราคาไม่สูงมากนัก และการขอความร่วมมือในการปิดดำเนินการก่อนช่วงเวลา 21.00 น.ของทุกวัน เนื่องจากถือเป็นช่วงที่ล่อแหลมและคนร้ายอาจใช้เวลาดังกล่าวในการก่อเหตุได้
