ที่ จ.ชลบุรี ความคืบหน้านักท่องเที่ยวชาวจีนทะเลาะสาวไทยในร้านอาหารย่านจอมเทียน ล่าสุดเข้าให้ปากคำแล้ว ส่วนหญิงคู่กรณียังไม่เดินทางมา โดยนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นนักธุรกิจเมืองอู่ฮั่นให้ทางตำรวจดำเนินตามขั้นตอนกฏหมายยันไม่ผิด
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
จากกรณีมีคลิปภาพวงจรปิดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุมทำร้ายคนไทย และเจ้าของร้านอาหารเจ๊ตุ้ม ร้านอาหารชื่อดังย่านจอมเทียน เมืองพัทยาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดมีภาพวงจรปิดอีกคลิปหน้าอพาร์ทเม้นท์ขณะที่กลุ่มชาวจีนมารุมทำร้ายเจ้าของร้านอาหารนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างลงมาห้ามปรามเพื่อช่วยเหลือเจ้าของร้านกลับถูกชาวจีนรุมตีนักท่องเที่ยวชาติอื่นเช่นเดียวกัน โดยบรรยากาศร้านวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาทางเจ้าของร้านและลูกจ้างยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่มีเพียงลูกค้าไม่กี่โต๊ะที่เข้ามารับประทานอาหาร
ข่าวน่าสนใจ:
- มุกดาหาร ชาวคริสต์นับหมื่น ร่วมฉลอง 84 ปี วีรกรรมแห่งความเชื่อ ณ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน
- อำเภองาวเตรียมจัดงาน “มหกรรมชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง”
- ตร คลี่ปม หนุ่มวัย 29 ปี ถูกรถไฟชน มีเสื้อมัดเท้า ยืนยันเป็นเพียงมัดแทนรองเท้าเดินริมทางรถไฟ
- ขอนแก่น พร้อมจัด " Khonkaen Countdown 2025 Rise Beyond" ขอนแก่น พุ่งทะยานสู่อนาคต อย่างยิ่งใหญ่ คาดเงินสะพัด 50 ล้านบาท
หลังจากที่ ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รอง สว.(สอบสวน ) เจ้าของคดี ได้เรียกตัว นาย Wei Xiaohui สัญชาติจีน หนึ่งในผู้ก่อเหตุรวมถึงชาวจีนที่ก่อเหตุทั้งหมดมาให้ปากคำ รวมถึงนายประเสริฐชัย บุญมา อายุ 53 ปี เจ้าของร้านและลูกค้าพยานในร้าน ส่วน น.ส.นิภาพร หะติง อายุ 36 ปี สาวคู่กรณีที่เข้าต่อว่ากลุ่มชาวจีนแต่แจ้งมาว่ายังไม่สะดวกที่จะเดินทางมาให้ปากคำมีเพียง ชาวจีนและเจ้าของร้านเท่านั้นมาให้ปากคำ
ในส่วนการให้ปากคำของ นาย อายง อายุ 30 ปีสัญชาติจีน ซึ่งทำธุรกิจที่เมืองพัทยาโดยทำค่ายมวยอยู่ที่เมืองพัทยา และเป็นล่ามให้กลุ่มชาวจีน เล่าว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้เดินทางไปด้วยแต่กลุ่มเพื่อนของตนซึ่งเป็นนักธุรกิจ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนทั้งหมด ได้มาเที่ยวที่เมืองพัทยา มาจัดงานวันเกิดลูกอายุ 5 ปี ขณะที่กลุ่มของพวกตนนั้นได้กินข้าวที่ร้านอาหารดังกล่าวนั้นได้มีหญิงไทยได้เดินเข้าต่อว่ากลุ่มตนโดยพูดจาหยาบคาย แล้วก็มีหญิงอีกคนถ่ายคลิปอยู่ ทางผู้หญิงจีนที่อยู่ในกลุ่มจึงได้เดินไปโดยไม่อนุญาตให้ถ่ายคลิปแล้วให้ลบคลิปแต่หญิงดังกล่าวกลับมีการผลักอกกัน และวิ่งไปหลบหลังเจ้าของร้าน ซึ่งกลุ่มของตนก็เห็นเจ้าของร้านโทรศัพท์จึงแย่งโทรศัพท์แล้วเขวี้ยงจนพัง โดยมือของเจ้าของร้านถือของยาวคล้ายอาวุธทำให้เกิดเหตุชุลมุนทะเลาะกันโดยมีการขว้างปาซึ่งอีกฝั่งตนก็มีอาวุธเหมือนกัน ก่อนตามที่เป็นคลิป จากนั้นตนได้ตามมาเพื่อมาเอานาฬิกาที่ตกในที่เกิดเหตุ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักมาด้วย เมื่อมาถึงถามถึงนาฬิกาเจ้าของร้านก็หยิบคืนให้บอกว่ามีลูกค้าเก็บไว้และตกตรงที่เกิดเหตุซึ่งนาฬิกาเรือนนั้นมูลค่าถึง 3 ล้านบาท
ภายหลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้ตกลงค่าเสียหายทั้งค่ามือถือจำนวน 2 เครื่อง ค่าอาหาร รวมถึงความเสียหายต่างๆได้มีการเรียกราคา 200,000 บาท ก่อนตกลงราคา 150,000 บาท ก็ตอบตกลงเพราะทางกลุ่มชาวจีนไม่อยากมีเรื่อง แต่สรุปภายหลังตกลงไม่ได้เพราะมือถือของคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงคนถ่ายคลิปหายไปจึงไม่สามารถตกลงกันได้
ส่วนทางด้านนายประเสริฐชัย บุญมา อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน พร้อมด้วยลูกค้าในร้านในวันเกิดเหตุได้มาให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กล่าวภายหลังได้เดินทางมาตามเจ้าหน้าที่ในการให้ปากคำโดยทรัพย์สินที่เสียหายนั้นมีมือถือตนจำนวน 1 เครื่อง ที่ถูกชาวจีนแย่งจากมือแล้วเขวี้ยงทิ้งและของน้องอีกคนที่เดินทางเข้ามาห้ามปรามก็ตกมือถือจอแตก รวมถึงทรัพย์สินภายในร้าน ลูกค้าที่ไม่ได้เช็คบิล ซึ่งทางกลุ่มจีนมาให้การในเรื่องที่ตนถืออาวุธและใช้มือถือโทรจนมีชาวจีนมากระชากมือถือเขวี้ยงทิ้ง ตนได้นำภาพวงจรปิดภายในร้านมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยืนยันว่าวันเกิดเหตุช่วงที่เกิดเรื่องนั้นตามภาพในคลิปจะเห็นผู้หญิงชุดแดงซึ่งเป็นลูกค้ามากับครอบครัวได้เดินมาพูดคุยกลุ่มชาวจีนจนเด็กเสริฟและตนเห็นจึงได้เดินมาดู พนักงานเด็กเสริฟนั้นได้ดึงผู้หญิงดังกล่าวออกไปเพื่อแยกออกจากกันแต่มีชาวจีนอีก 1 คนได้เดินมาทางผู้หญิงอีกคนที่ถ่ายคลิปแล้ววิ่งมาแย่งเพื่อเอามือถือและวิ่งมาหลังตนให้ช่วยเหลือตนก็พยายามบอกให้ใจเย็นๆแล้ว โดยในมือไม่ได้ถือไม้หรืออาวุธตามที่คนจีนอ้างสามารถดูวงจรปิดได้ ตนก็ใช้มือถือแจ้งตำรวจแต่ขนาดที่โทรแจ้งชาวจีนได้หยิบมือถือตนขว้างทิ้งและกลุ่มชาวจีนก็รุมทำร้าย ในร้านเมื่อลูกค้า พนักงานและคนรู้จักทั้งขาวต่างชาติยุโรปตนเห็นพยามวิ่งมาช่วยเหลือตนจนเป็นเรื่องชุลมุน
เจ้าของร้านยังกล่าวอีกว่าภายหลังให้ปากคำเรื่องดังกล่าวตนต้องบาดเจ็บที่ศรีษะจนบวม ภายหลังกลุ่มชาวจีนยังกลับมาอีกโดยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาด้วยเพื่อถามนาฬิกาที่ตกหายมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งนาฬิกาดังกล่าวตกในช่วงชุลมุนและมีคนเก็บให้ตนไว้ ก็ได้นำคืนให้ แต่ภายหลังเรื่องจบได้มีการคุยค่าเสียหายตกลงราคา 150,000 บาท เพราะมีมือถือพัง 2 เครื่อง รวมถึงเก้าอี้และอาหารที่ลูกค้าไม่จ่าย แต่ไม่สามารถตกลงได้เพราะมีมือถือของผู้หญิงถ่ายคลิปหายไป ทางจีนได้โทรถามกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยต่างปฏิเสธแต่พออีกวันชาวจีนดังกล่าวกลับนำมาให้ร้อยเวร
ทางเจ้าของร้านกล่าวอย่างเซ็งๆว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องลูกค้าที่ทะเลาะกัน ตนเป็นเจ้าของร้านก็ต้องห้ามปราม แต่เมื่อลูกน้อง ลูกค้า เห็นตนก็พยายามแยกแต่กลับเกิดเรื่องชุลมุนจนร้านพังเสียหาย ไม่มีใครอยากให้ร้านเสียหาย และอยากให้ลูกค้ามาทะเลาะกันที่ร้าน เพราะจะทำให้เสียชื่อเสียงร้านแถมต้องมาบาดเจ็บอีก
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: