วันนี้ 26 ส.ค.66 นายวุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ด้วยเรือเร็ว บริเวณ อ่าวบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เข้มงวดการบังคับใช้กฏหมาย กับผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว และเรือประมงในพื้นที่ป้องกันการทิ้งสมอในแนวปะการัง และการกิจกรรมทางน้ำ เช่น การดำน้ำลึก ห้ามสัมผัสปะการัง สัตว์น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตใดๆที่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ใช้ดำน้ำลงไปตรวจสมอเรือ ว่าอยู่บนแนวปะการัง หรือทำลายปะการัง หรือแนวปะการังหรือไม่ จากการตรวจสอบไม่พบเรือทำความผิดแต่อย่างใด
นายวุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่ เข้มงวดการบังคับใช้กฏหมาย กับผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว และเรือประมงในพื้นที่ ทางทะเล เพื่อป้องกันการทิ้งสมอในแนวปะการัง และการกิจกรรมทางน้ำ เช่น การดำน้ำลึก ห้ามสัมผัสปะการัง สัตว์น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตใดๆที่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ซึ้งหากพบกระกระทำความผิด จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ผิดตามมาตรา 12 แห่ง พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มีบทลงโทษตาม ม 89 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “ตามบัญชีแนบท้าย สัตว์คุ้มครองชนิดสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังลำดับที่ 4 ปะการังแข็งทุกชนิด
รวมถึงเข้าประชาสัมพันธ์ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบร่าง ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันความเสียหายที่เกิดกับแนวปะการังอันเกิดจากการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำเป็นการเฉพาะและเพื่อควบคุมกำกับดูแลอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีมาตราการดูแล ทรัพยากรแนวปะการัวในพื้นที่ โดยเร็วๆนี้จะมีการจัดวางทุ่นผูกเรือ และทุ่นแนวเขต กว่า 50 จุด เพื่อลดผลกระทบจากการทิ้งสมอเรือบริเวณแนวปะการัง อาศัยความร่วมมือของเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการสอดส่องดูแล ผู้ที่ฝ่าฝืนกระทำความผิด ร่วมกันต่อไป
