เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.50 น. ( 9 ม.ค.67 ) ศูนย์ควบคุมกล้องวงจรปิดถนนมอเตอร์เวย์ ได้ประสานไปยัง ตำรวจทางหลวง พลูตาหลวง สัตหีบ ว่า กล้องวงจรปิด บริเวณ ถนนทางหลวงหมายเลข 7 ( มอเตอร์เวย์ ) พัทยา – สัตหีบ ช่วงหลัก กม.135+100 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถจับภาพ กลุ่มผู้ต้องสงสัย 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดบริเวณ ทางคู่ขนาน ใกล้กับแผงควบคุมไฟฟ้า และ สายเคเบิลควบคุมกล้อง ซีซีทีวี ( CCTV ) ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุคนร้ายลอบตัดสายไฟไปขาย เสียหายนับล้านบาทเมื่อช่วงเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งหวั่นว่าจะถูกก่อเหตุซ้ำ ขอให้ตำรวจนำกำลังไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ( มีภาพกล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้อย่างชัดเจน ) หลังได้รับการประสาน พ.ต.ท. ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง สว.ทล.1 กก.8 ได้นำกำลังตำรวจทางหลวงออกไปทำการตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าไม่พบกลุ่มผู้ต้องสงสัย
ข่าวน่าสนใจ:
ต่อมาตำรวจทางหลวง มีการสืบสวนสอบสวน พบว่า 1 ในกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่ภาพวงจรปิดจับภาพได้ คือ นาย อนุลักษณ์ อบชู อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักลอบตัดสายไฟไฟ้าบนถนนมอเตอร์เวย์ไปขาย เมื่อวันที่ 13 ก.ย.66 ( เคยเป็นข่าว ) ซึ่งครั้งนั้นทำให้รัฐเสียหายเกือบ 1 ล้านบาท และถูก ตำรวจทางหลวง ตามจับกุม ส่งตัวดำเนินคดี แต่เข้าคุกได้ไม่นานก็ได้รับการประกันตัวออกมา และ คาดว่าเตรียมจะมาก่อเหตุซ้ำอีก
จากนั้นตำรวจได้ตามไปควบคุมตัว นาย อนุลักษณ์ อบชู อายุ 35 ปี ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ริมถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนพาตัวมาสอบสวนเค้นความจริง แต่เจ้าตัวกลับอ้างว่า มาขี่รถจักรยานยนต์เล่น แต่ตำรวจไม่เชื่อในคำกล่าวอ้าง เนื่องจาก พฤติกรรมของนายอนุลักษณ์ มีข้อสงสัยหลายอย่าง โดยเชื่อว่าเตรียมการลงมือก่อเหตุลักลอบตัดสายไฟในถนนมอเตอร์เวย์ อีกทั้งยังพูดจาวกไปวนมา พอคุมตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ก็พบว่ามีปัสสาวะเป็นม่วง
นอกจากนี้ มีการตรวจสอบประวัติ พบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดพัทยาหลายหมาย ประกอบด้วย 1.หมายจับเป็นบุคคลตามหมายจับจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 579/2566 ลงวันที่ 27 ธ.ค.66 คดีหมายเลขดำที่ ย1006/2566 ( ไม่ยอมไปฟังคำอ่านพิพากษา ) , 2.คดีหมายเลขแดงที่ ย1009/2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝื่น กฎหมาย และ , 3. เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 613/2566 ลงวันที่ 13 ธ.ค.66 คดีหมายเลขดำที่ อ1193/2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และ เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยใบอนุญาตสิ้นสุด
เบื้องต้น ตำรวจจึงได้จับกุม แล้ว ตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป …..
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: