ที่จ.ชลบุรี ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! หญิงลาออกจากงานประจำ มาดูแลลูกชายพิการซ้ำซ้อนวัย 5 เดือน ขณะสามีต้องทำงาน 2 กะ ไม่เว้นวันหยุด เพื่อหาเงินเป็นค่าอ๊อกซิเจนต่อลมหายใจลูกให้มีชีวิตอยู่นานที่สุด แม้อีกไม่กี่เดือนก็ตาม
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 119/143 ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับทราบข่าวว่ามีคุณแม่หัวใจแข็งแกร่งคนหนึ่งที่เลี้ยงดูลูกน้อยวัย 5 ขวบ ที่มีความพิการซ้ำซ้อน ตัวเองต้องเลิกอาชีพเพื่อมาดูแลจนไม่อาจสร้างรายได้ มีเพียงสามีคนเดียวที่ต้องตรากตรำทำงาน 2 กะ เช้าค่ำ รวมทั้งวันหยุด เพื่อที่จะหารายได้มาเป็นค่าเลี้ยงดูครอบครัว
ข่าวน่าสนใจ:
- สนามแข่งบุญชิงถ้วยพระราชทานงานพ่อโสธร เจ้าถิ่นครองเจ้าสนาม 55 ฝีพาย
- Baan Pattaya จัดงานฉลองเปิดตัวโครงการบ้านโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด Baanpattaya Ascent
- นราธิวาส-สุดทน! พ่อค้าแม่ค้าร้อง ส.ส.นำเรื่องเข้าสภาฯ หลัง "บอสตลาดเก็นติ้ง" จัดหนัก! ปรับราคาเช่า-ต่อสัญญาสูงลิ่ว
- ต่างชาติเมา ไม่พอใจ ร้านปิดให้บริการ ขวดไล่ตีสามีเจ้าของร้าน ถูกตีสวนเจ็บ
เมื่อไปถึงได้พบกับนางอุมาพร สันป่าแก้ว อายุ 41 ปี และลูกชาย 2 คน โดยคนโต อายุ 11 ปี อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเมืองพัทยา 9 และคนเล็ก อายุ 5 เดือน มีความพิการซ้ำซ้อน ซึ่งผู้เป็นแม่ได้คอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ใกล้กันยังพบถังอ๊อกซิเจนจำนวนหลายถังวางอยู่
นางอุมาพร เล่าว่า น้องภาคิณ เป็นโรงประจำตัวมีความพิการซ้ำซ้อน ด้วยโรคโครโมโซม 13 ทั้งปากแหว่งเพดานโหว่ หัวใจรั่ว หัวใจโต และปอดชื้น ซึ่งคุณหมอบอกว่าสามารถอยู่ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ตั้งแต่ตั้งครรภ์ตัวเองได้หยุดทำงานเพื่อเตรียมคลอด จนกระทั่งคลอดน้องออกมาในที่สุด จึงต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะต้องให้อ๊อกซิเจนช่วยหายใจตลอดเวลา ทำให้จำเป็นต้องเลิกเป็นแม่ค้าขายของเพื่อมาคอยดูแลน้องภาคิณ ที่ต้องให้ทานนมในทุก 3 ชั่วโมง ครั้งหนึ่งต้องให้น้องกินนมเพียง 1 ออนซ์ครึ่งเท่านั้น เพราะน้องมีอาการปอดชื้นต้องควบคุมน้ำไม่ให้ท่วมปอด การดูแลจึงจำเป็นต้องพิถีพิถันและมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านได้มีหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชนคนใจบุญช่วยเหลือครอบครัวมาแล้ว แต่เงินที่ได้ก็ร่อยหรอลงทุกวัน ปัจจุบันสามีต้องทำงาน 2 กะ คือ ช่วงเช้าจะเป็นพนักงานบาร์เทนเดอร์ และช่วงค่ำจะทำงานเป็นพนักงานล้างจานที่โรงแรมไบรท์ตัน พัทยา ซึ่งทางโรงแรมก็อนุญาตให้รับงาน 2 กะได้ เมื่อถึงวันหยุดก็จะไปรับจ้างทำความสะอาดอพาร์ทเม้นต์
คุณแม่น้องภาคิณ ยังเล่าต่อว่า ตัวเองจึงอาศัยว่าได้มีรายได้เสริมจากการขายสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่ชาวเน็ตผู้มีน้ำใจหยิบยื่นมาให้จำหน่ายโดยไม่เอาในส่วนของเงินกำไร อาทิ ผลไม้ และกระเป๋าสะพาย ล่าสุดมีพ่อค้าทำขนมและเบเกอรี่แสดงความมีน้ำใจให้ช่วยจำหน่ายขนมสร้างรายได้ โดยกำไรทั้งหมดยกให้ตัวเอง เพื่อที่นำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องภาคิณ โดยเฉพาะค่าอ๊อกซิเจนที่ต้องใช้มากถึงวันละ 2 ถัง ถังหนึ่งจะใช้ได้ประมาณ 12 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายถังละ 400 บาท และค่าขนส่งอีก 50 บาท
ปัจจุบันพบว่าหัวใจน้องภาคิณ เริ่มโตขึ้น และปอดชื้นขึ้น จากเมื่อก่อนใช้อ๊อกซิเจนวันละ 1 ถัง แต่ปัจจุบันต้องใช้เพิ่มขึ้นเป็น 2 ถัง เพื่อให้น้องมีชีวิตอยู่นานที่สุด แต่รายได้ของครอบครัวมาจากสามีคนเดียว ทั้งนี้ เฉลี่ยแล้วครอบครัวจะมีรายได้ประมาณเดือนละ 17,000 บาท แต่ค่าใช้จ่ายหลักอยู่ที่ประมาณเดือนละ 13,000 บาท ทำให้เงินไม่ค่อยเพียงพอ โชคดีที่มีน้ำใจจากชาวเน็ตช่วยให้ขายของเพิ่มรายได้ ซึ่งต้องเก็บหอมรอมริบเพราะมีลูกชายคนโตก็กำลังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ
ทั้งนี้ หากเรื่องราวของคุณแม่หัวใจเพชรที่พยายามดูแลลูกน้อยผู้พิการอย่างสุดชีวิต ในขณะที่สามีต้องตรากตรำทำงานเช้าค่ำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวได้เข้าไปแทรกกลางระหว่างความรู้สึกและจิตใจของผู้อ่านผู้ใจบุญ หรือเป็นข้อมูลเพื่อรับทราบไปยังสาธารณชนหรือหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ด้านมนุษยชน สามารถสมทบทุนเป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้โดยตรงที่บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก เลขที่ 020103500912 นางอุมาพร สันป่าแก้ว ธนาคารออมสิน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: