ชาวเพชรบูรณ์จี้กรมทางหลวงเร่งติดโคมไฟ”โค้งมรณะ” ทนไม่ไหวเห็นนทท.ปชช.สังเวยโค้งนี้ไปแล้ว 40 ชีวิต หวั่นปีใหม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก
วันที่ 26 ธันวาคม นายอนุชา กระต่ายเผือก อายุ 50 ปี เกษตรกรชาวอำเภอหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ถนนทางโค้งบนทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี- หล่มสัก) หลักกิโลเมตรที่ 172 ช่วงระหว่างหนองไผ่-นาเฉลียง หมู่ที่ 7 บ้านหนองไลย์ ต.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ เนื่องจากสภาพบริเวณนี้เป็นถนนทางโค้งเกือบหักศอก ที่ผ่านมามีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุในช่วงโค้งแห่งนี้มาตลอด จนขึ้นชื่อว่าเป็น “โค้งอันตราย”หรือ”โค้งมรณะ” ซึ่งตลอดกว่า 30 ปีที่มีบ้านพึกอาศัยอยู้ริมถนนบริเวณพบเห็นประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปราว 30-40 รายแล้ว จึงได้พยายามเรียกร้องหรือแจ้งให้ทางกรมทางหลวงโดยเฉพาะแขวงการทางหนองไผ่ ให้ช่วยติดตั้งโคมไฟส่งสว่างซึ่งเป็นแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ได้ระมัดระวังด้วย และล่าสุดได้โฟสข้อความลงเฟสบุ๊กส่วนตัว เพื่อขอให้ผู้ราชการจังหวัดช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮท์ซีซั่นและยังใกลถึงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่อีก เกรงจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วจึงค่อยติดตั้งเหมือนวัวหายแล้วล้อมคอก
นายอนุชากล่าวว่า เมื่อ 3 ปีก่อนอดีตนายอำเภอหนองไผ่นำชาวบ้านมาร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตบริเวณนี้ ก็ยังฝากย้ำไปกับทางแขวงการทางที่มาร่วมด้วยอีก แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด หากสังเกตถนนทางโค้งตั้งแต่ศรีเทพจนถึงเพชรบูรณ์แทบทุกโค้งที่เป็นอันตราย จะมีการติดตั้งโคมไฟส่งสว่างกันแทบทุกโค้งแล้ว เหลือแต่เพียงโค้งแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่รู้จะด้วยสาเหตุอะไร
สำหรับข้อความที่นายอนุชาโพสในเฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “โค้งอันตราย”ทางหลวงหมายเลข 21(สระบุรี-หล่มสัก)หลักกิโลเมตรที่ 172 ช่วงระหว่างหนองไผ่-นาเฉลียง เป็นทางโค้งเกือบหักศอกเกิดอุบัติเหตุตลอด ผมขอไฟเกาะกลางถนนมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ได้ แต่ที่อื่นๆมีหมดแล้ว ผมอยู่ตรงนี้มา 30 กว่าปีมีผู้สูญเสียชีวิต 30-40 คน เรียนท่านผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยติดตามให้หน่อยครับเพื่อส่วนรวม และช่วงนี้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวเพชรบูรณ์กันเยอะมากครับ” อย่างไรก็ตามหลังข้อความนี้ถูกเผยแพร่และแชร์กันอย่างกว้างขวาง ได้มีผู้มาร่วมแสดงความคิดโดยให้การสนับสนุนกับเรืองนี้กันเป็นจำนวนมาก พร้อมจี้ให้ทางแขวงการทางโดยเฉพาะกรมทางหลวงอย่านิ่งดูดาย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: