จับโจรลักตัดสายไฟกล่องควบคุมไฟส่องสว่างเกาะกลางถนนพร้อมคีมตัดสายไฟ มีดตัดไม้ ทำเนียนขี่ จยย.มาตัดกฐินอ้างไปเลี้ยงวัว ไม่รอดถูกผู้ใหญ่บ้านและตำรวจทางหลวงช่วยกันจับไว้ได้รับสารภาพว่าลักชโมยตัดแค่ 4 ครั้ง แขวงทางหลวงกาญจนบุรี แจงโดนขโมย 26 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่าครึ่งล้านบาท
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 15 ส.ค.65 นายเสรี สังข์ภาพ อาย 49 ปี พนง.ขับรถหมวดทางหลวงหนองบัว พร้อมด้วย นายชัยวนาถ ใบบัว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านพุเลียบ นายธเนศ ภูโต สมาชิก อบต.หนองบัว และ ด.ต.สราวุธ รังกาแกม หน.หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงไทรโยค ได้ร่วมกันออกตรวจตามเส้นทาง 323 หลังจากได้รับแจ้งว่าไฟส่องสว่างเกาะกลางถนนดับหลายจุด และพบว่ามีการลักลอบตัดสายไฟจากกล่องควบคุมเสียหายหลายครั้ง จนกระทั่งพบชายต้องสงสัยที่ริมถนนสาย 323 กม.75+ 400 ม.5 บ้านพุเลียบ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงเข้าตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวฟ 125i สีดำแดงหมายเลขทะเบียน 1 กข 6388 กาญจนบุรี จอดริมถนน จึงเรียกหาเจ้าของรถก็พบกับ นายบัณฑิต (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาวต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เดินขึ้นมาจากริมถนนพร้อมกับแบกต้นกฐินทำทีว่ามาตัดต้นกฐินไปเลี้ยงวัว แต่ก็มีท่าทีพิรุธลุกลี้ลุกลนผิดปกติจึงช่วยกันควบคุมตัวไว้ก่อน และเดินสำรวจที่เสาไฟฟ้าที่ติดตั้งตู้ควบคุมไฟส่องสว่างเกาะกลางถนนที่อยู่ใกล้จุดดังกล่าวก็พบว่าถูกงัดตู้ถูกตัดสายไฟ ตัดท่อร้อยสายไฟ แต่ผู้ก่อเหตุพยายามดิ้นรนวิ่งหนีแต่ก็ถูกจับไว้ได้ ในที่เกิดเหตุพบเหล็กแป๊บยาว 2 เมตร ฝาครอบมิตเตอร์ไฟ 1 ชิ้น คีมตัดสายไฟ 1 ชิ้น มีดหัวตัด 1 เล่ม โดยมี นายปิยะ กัญญาพันธ์ หัวหน้าหมวดการทางหนองบัว นายนพรัตน์ สระบัว กำนัน ต.หนองบัว ควบคุมตัวไปค้นหาของกลางที่บ้านพักแห่งหนึ่ง และบันทึกข้อมูลโดยละเอียด
ต่อมาเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน นายแสงทอง พาแก้ว ผอ.แขวงทางหลวงกาญจนบุรี เดินทางมาตรวจดูความเสียหายตู้ควบคุมไฟส่องสว่างเกาะกลางถนน และสอบถามผู้ก่อเหตุถึงสาเหตุและการลงมือก่อเหตุกี่ครั้ง และได้พูดคุยว่าความเสียหายนี่คือทรัพย์สินของหลวงที่เป็นภาษีของประชาชน ทำให้ถนนไม่มีไฟส่องสว่างผู้คนใช้สัญจรมองถนนมืดอาจเกิดอันตรายได้
จากนั้นได้แจ้งความกับ ร.ต.อ.นวพล กาญจนสาธิต รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี มาที่เกิดเหตุพร้อมควบคุมตัวไปตรวจค้นหาของกลางสายไฟฟ้าที่นำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งแถวลาดทอง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมให้ผู้ต้องหาชี้ยืนยันการขายกับร้านนี้ และพาตัวไปที่บ้านพักของญาติไม่ไกลจากจุดที่ถูกจับตัวแต่ก็ไม่พบของกลางเพิ่มเติม จึงควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุลักตู้ควบคุมไฟส่องสว่าง 4 ครั้ง 1.เดือน กพ.65 พิกัด ทล.323 กม.75+400 ต.หนองบัว 2.เดือน ส.ค.65 พิกัด ทล.323 กม.78+500 ต.ลาดหญ้า 3.เดือน ส.ค.65 ทล.323 กม.80+200 ต.ลาดหญ้า และ 4.เดือน ส.ค.65 ทล.323 กม.75+400 ต.ลาดหญ้า ครั้งล่าสุดที่โดนจับกุม จนท.ตำรวจแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
ทางด้าน นายแสงทอง พาแก้ว ผอ.แขวงทางหลวงกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากปัญหาที่พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าทำไมไฟส่องสว่างเกาะกลางถนนไม่เปิด บางแห่งติดตั้งไฟส่องสว่างใหม่ก็ไม่ติด จากที่ลงสำรวจก็พบ ตู้คอนโทรลไฟส่องสว่างก่อกลางถนนหลายแห่งถูกคนร้ายขโมยตัดเอาสายไฟไปขายมีอยู่คืนหนึ่งหายไป 15 จุดสร้างความเสียหายให้กับแขวงทางหลวงเป็นอย่างมากและทุกครั้งที่ถูกลักขโมยไปก็ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมต้องใช้เวลาทำให้ไฟส่องสว่างบางจุดไม่มีไฟทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ว่าไฟฟ้าส่องสว่างไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถใช้งานได้จริง สำหรับการจับกลุ่มในวันนี้เนื่องด้วยจากที่เกิดการลักขโมยก็ได้มีการวางแผนการร่วมกับผู้นำชุมชนในเขตพื้นที่ร่วมกับตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่ของแขวงทางหลวงวางแผนการออกตรวจราแล้วก็สังเกตตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของผู้ที่ก่อเหตุจนกระทั่งพบบุคคลที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่ถูกจับกุมในวันนี้แล้วก็ถือว่าเป็นความร่วมมือ กันดำเนินการการแก้ไข สามารถจับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทันทีทันควัน ถึงอยากจะเรียนแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบถึงความคืบหน้าที่เกิดขึ้นในการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ และทางแขวงทางหลวงกาญจนบุรีจะดำเนินคดีให้กับผู้ที่ก่อเหตุลักทรัพย์ในครั้งนี้ถึงที่สุด
จากข้อมูลความเสียหายตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบันพบว่ามีการลักขโมยตู้ควบคุมไฟส่องสว่างหายไป 26 ครั้งรวมมูลค่าความเสียหาย 5 แสนกว่าบาท และต้องรอตั้งงบประมาณปีถัดไปเพื่อจะทำการซ่อมแซมตู้ควบคุมไฟส่องสว่างดังกล่าว สำหรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแขวงทางหลวงกาญจนบุรี ได้ทำการติดตั้งเบรกเกอร์แบบใหม่เข้าไปทดแทนชุดเก่าที่โดนขโมยไปแต่ว่าเป็นในลักษณะของการที่ต้องใช้คนควบคุมเปิดและปิดทำให้ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากเพราะต้องให้เจ้าหน้าที่ไปเปิดช่วงเย็นแล้วก็ไปปิดระบบไฟฟ้าช่วงเช้าทุกวันตามจุดที่มีการเสียหาย
