เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 2567 ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเนื่องในวันป่าไม้สากล ประจำปี พ.ศ. 2567 (International Day of Forests 2024) โดยมี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกิจกรรมนายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 21 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันป่าไม้สากล” เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของป่าทุกประเภทและต้นไม้ที่อยู่นอกป่า ซึ่งป่าไม้เป็นทรัพยากรสำคัญต่อมนุษย์และเป็นทั้งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าสร้างประโยชน์อย่างมากทั้งการใช้สอย การบริโภค การเก็บหาของป่า หรือการผลิตไม้แปรรูป ช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งได้สร้างประโยชน์อย่างมากให้แก่ผู้คนในรุ่นปัจจุบันจนถึงอนาคต อีกทั้งยังช่วยรักษาสมดุลทางธรรมชาติ รักษาต้นน้ำลำธาร และเป็นที่อยู่ให้กับสัตว์นานาชนิด ดังนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างการรับรู้ด้านความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ให้เป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวางมากขึ้น จึงทำให้มีการดำเนินการจัดกิจกรรมระดับท้องถิ่นระดับชาติ และระดับนานาชาติ ที่เกี่ยวข้องกับป่าและต้นไม้ โดยในปีนี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้มีการรณรงค์ภายใต้ประเด็นหลัก คือ “Forests and Innovation” หรือ “ป่าไม้และนวัตกรรม” ประเด็นเสริม คือ “New Solutions for a Better World” หรือ “ทางเลือกใหม่ เพื่อโลกที่ดีขึ้น”สำหรับการจัดกิจกรรมภายในงานวันป่าไม้สากล ปี 2567 ครั้งนี้ มีองค์กรระหว่างประเทศด้านการป่าไม้ ผู้แทนสถานทูตฝรั่งเศส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ ร่วมปาฐกถาพิเศษ”Forests and Innovation: New solutions for a better world” และการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ป่าไม้และนวัตกรรมทางเลือกใหม่ เพื่อโลกที่ดีขึ้น” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งกิจกรรมอาบป่าโดยกรมป่าไม้ การจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืนโดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้และการดำเนินงานด้านนวัตกรรมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้นทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ หวังว่าการจัดกิจกรรมในวันป่าไม้สากล ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านการดูแล ฟื้นฟู และอนุรักษ์ป่าไม้ให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ รวมถึงประโยชน์ด้านการคืนที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์ป่าและให้กับธรรมชาติได้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: