เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกตรวจในเขตพื้นที่เขตรับผิดชอบ ร่วมกับ สภ.ไทรโยค , ตชด.136 , ตม.จว.กาญจนบุรี , กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี , ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ค่ายสุรสีห์ , ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุอาชญากรรม การลักลอบขนยาเสพติดและลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ในขณะที่ออกตรวจอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชุดเฉพาะกิจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บช.ก. ว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นชั้นในตัวเมืองกาญจนบุรี โดยใช้รถโตโยต้า วีโก้ สีน้ำตาล ทะเบียน กาญจนบุรี
เมื่อมาถึงทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตร 124-125 หมู่ 8 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้พบรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น วีโก้ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กาญจนบุรี ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง ขับมาจากทางอำเภอทองผาภูมิ มุ่งหน้าอำเภอเมืองกาญจนบุรี จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวหยุด เพื่อทำการตรวจสอบ
แต่เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวได้เห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้เร่งเครื่องหนีและพยายามวนรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงสงสัยว่าอาจจะแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไป จนผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวได้หยุดรถ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวพบผู้นำพบ 2 คน โดยทั้งคู่เป็นชาวอำเภอบ่อพลอย
จากการตรวจสอบที่บริเวณท้ายรถกระบะพบว่ามีผ้าสแลนสีดำคุ้มอยู่เมื่อเปิดออกพบเป็นแรงงานต่างด้าว ทั้งหมดจำนวน 8 คน ( ชาย 5 คน , หญิง 3 คน ) และผู้ติดตาม จำนวน 1 คน ( หญิง 1 คน ) หลบซ่อนตัวอยู่
สอบถามผู้นำพาทั้ง 2 รับว่าได้รับจ้างจากชายชาวเมียนมา อายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งอาศัยอยู่อำเภอทองผาภูมิ ได้จ้างวานให้พาแรงงานต่างด้าวไปส่งที่ภายในตัวเมืองกาญจนบุรี โดยให้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดบริเวณท่าน้ำทองผาภูมิ และมีชายชาวเมียนมา มาขับรถยนต์คันดังกล่าวไปรับแรงงานต่างด้าว บริเวณหมู่บ้านท่าแพ (ไม่ทราบจุดที่รับ) จากนั้นผู้นำพาคนที่ 1 ได้ขับรถคันดังกล่าวมาถึงบริเวณวัดแห่งหนึ่งใน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้ผู้นำพาคนที่ 2 ขับรถคันดังกล่าวแทนผู้นำพาคนที่ 2 โดยจะให้ค่าจ้างเป็นจำนวนเงินครั้งละ 3,000 บาท ซึ่งทำมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง
ต่อมาได้ทำการตรวจสอบแรงงานชาวเมียนมารายหนึ่งสามารถพูดและรับฟังภาษาไทยได้ จึงได้ให้เป็นล่ามแจ้งกับแรงงานต่างด้าวทุกคนให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารประจำตัวใดๆ มาให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 9 คน ไม่สามารถนำบัตรประจำตัวหรือเอกสารใดๆ มาให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบได้
โดยแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมดให้การยอมรับว่า พวกตนได้เดินทางหลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเมียนมา มาตามช่องทางธรรมชาติ บ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อที่จะเข้าไปทำงานในตัวเมืองชั้นใน โดยจะเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าประมาณคนละ 13,000 ถึง 17,000 บาท จะจ่ายก็ต่อเมื่อเดินทางถึงที่หมาย โดยจะเดินทางไปยัง จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดภูเก็ต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้นำพาทั้งสองว่า “ร่วมกันช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ส่วนแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมดได้แจ้งข้อหา กระทำความผิดฐาน (ข้อหา) “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำส่งตม.กาญจนบุรี เพื่อผลักดันกลับประเทศเมียนมาต่อไป และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรไทรโยค ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
