เชียงใหม่-รวบโจ๋ชนเผ่า ควงซามูไร ไล่จี้ นศ.ชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการ ตร.ภ.5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ฯ ภ.5 , รอง ผบก.สส.ภ.5 , รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ และ ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเหตุผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ ย่านถนนคันคลองชลประทาน ถนนสุเทพหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนวัดอุโมง ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านแกรนวิว รวม 5 เคส ผู้เสียหาย 5 คน
ข่าวน่าสนใจ:
- โครงการคุ้มครองเด็กเพื่อความปลอดภัยจากสื่อออนไลน์
- ตรัง การแข่งวิ่งสุดสยองชวนขนหัวลุก "วิ่งหนีเมรุ" ทำถึงธีมผีจัดเต็ม นักวิ่ง 300 คนร่วมวงหลอน
- "รัฐสภา" ร่วมสนับสนุนการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร”
- รมว.ท่องเที่ยว ชวนลอยกระทง "สีสันแห่งสายน้ำฯ" สร้างสรรค์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลายสถานที่ หลายเวลา เริ่มต้นที่ วันที่ 27 เม.ย.67 เวลา 04.45 น. ปากซอยวัดอุโมงค์-ปากซอย 5 วัดป่าแดง (ถ.หลัง มช.) ผู้เสียหาย นายยศวัจน์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.47 น. ถ.คันคลอง แนวรั้ว มช. ผู้เสียหาย นายธนวัฒน์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.51 น. ปากซอยวัดอุโมงค์ (ถ.หลัง มช.) ผู้เสียหาย นายรัฐพล อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน ผู้เสียหายหลบหนี ไม่ได้เงิน เวลา 04.56 น. ถนนในซอย ก่อนถึงวัดอุโมงค์ 50 ม. ผู้เสียหาย นายพิมพ์นารา อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงินได้เงินสด ประมาณ 50 บาท เวลา 05.17 น. ถ.ในหมู่บ้านแกรนด์วิว ผู้เสียหาย นายศตวรรษ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาโชว์อาวุธมีด ข่มขู่เอาเงิน แต่ไม่ได้เงินจากผู้เสียหาย
ผู้ต้องหาประกอบด้วย เยาวชนชายอายุ 16 ปี อยู่ตามบัตร ม.5 ต.เวียง อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ หอพัก ม.7 ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ และ เยาวชนชาย อายุ 15 ปีเศษ ที่อยู่ หมู่ 4 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มีของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง ทะเบียน 2กต – 2806 เชียงใหม่ อาวุธมีดยาว(ดาบซามูไร) จำนวน 2 เล่ม เสื้อผ้าของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ โดยพฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 เวลาประมาณ 04.40 น. ขณะที่ผู้เสียหายคนที่ 1 กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ที่บริเวณ ถ.สุเทพ (ด้านหลัง มช.) ต.สุเทพ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะ ได้มีผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ขับขี่รถจยย. เข้ามาหาในลักษณะประกบด้านข้าง พร้อมพูดบอกให้ผู้เสียหายส่งเงินสดมาให้จำนวน 100 บาท พร้อมแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป ส่วนผู้ต้องหาไม่ได้ติดตามไปแต่อย่างใด ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้กลับรถ แล้วขับรถไปหาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งกำลังขี่รถ จยย.ในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยมุ่งหน้าไปทางสี่แยกต้นพยอม พร้อมพูดจาและแสดงอาวุธมีดให้ผู้เสียหายดูเพื่อข่มขู่เอาเงินจากผู้เสียหายที่ 2 แต่ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป ซึ่งผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขับติดตามไปแต่อย่างใด ผู้ต้องหาจึงได้ขับรถกลับมายัง ถ.สุเทพ มุ่งหน้าไปทางประตูวิศวะอีกครั้ง และ เจอผู้เสียหายที่ 3 ขับรถ จยย.อยู่จึงเข้าประกบอีกครั้ง ผู้เสียหายเกิดความตกใจจึงได้เร่งความเร็วแล้วขับหลบหนีไป โดยหลบหนีไปทางประตูเชียงใหม่ ต่อจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปในย่านชุมชนวัดอุโมงค์ และ ไปเจอกับผู้เสียหายที่ 4 จึงเข้าประกบอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผู้เสียหายได้มอบเงินเหรียญให้ผู้ต้องหาไป ประมาณ 50 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่ไปทิศทางย่านหมู่บ้านแกรนด์วิว และได้เข้าประกบกับผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าไม่มีเงิน ผู้ต้องหาจึงได้ขับขี่หลบหนีไป ซึ่งภายหลังผู้เสียหายทั้ง 5 ราย ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
จากการสืบสวน ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่นในพื้นที่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ จนกระทั่งสามารถสืบทราบว่าผู้ต้องหา เป็นเยาวชน ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำที่ สภ.ภูพิงค์ฯ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่า ได้เป็นคนที่ขับขี่รถ จยย. ไปข่มขู่ขอเงินจากบุคคลทั่วไปตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุจริง โดยใช้อาวุธมีดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้จริง โดยรับว่าสารภาพที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง
ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร ร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: