ชุมพร-ทะเลคลั่ง!! หวิดดับ 4 ชีวิตลอยคอกลางพายุ 48 ชม
จากเหตุการณ์ช่วงค่ำของเมื่อคืนวันที่ 18 กพ.63 ที่ผ่านมา ที่หมู่ที่ 6 บ้านหนองบัว ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร นายชนะศึก สาตรรอด นายอำเภอละแม พร้อมด้วย นางสาว ราตรี จันทน์รัตน์ ประมง อ.ละแม กำลัง จนท. ติดตามสถานการณ์ที่มีเรือประมงสินนำชล กำลังจะจมบริเวณ ลัดติจูด 9 43 900 ลองติจูด 99 15 900 มีลูกเรือ ประมาณ 4-5 คน อยู่ภายในเรือนายชนะศึก กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ประมงอำเภอว่า มีเรือประมง ขนาด 15 ตันกรอส เป็นเรืออวนลาก ห่างจากชายฝั่ง ประมาณ 7-8 ไมล์ทะเล พร้อมลูกเรือ 4-5 คน กำลังประสพพายุคลื่นลมแรง ทำให้เรือใกล้อัปปาง และล่มลงเมื่อเวลา ประมาณ 19.00 น.ขณะนี้ได้รายงานให้ ผวจ.ชุมพร ทราบ และ ประสาน เรือ ตร.น้ำ สุราษฏร์ฯ ออกให้ความช่วยเหลือ แต่พิกัดคลาดเคลื่อนทำให้ไม่สามารถหาจุดเกิดเหตุพบ ประมงอำเภอได้ติดต่อกับชาวประมงใกล้ที่เกิดเหตุ ทราบว่าลูกเรือสวมชูชีพลอยคอในทะเล จังหวัดชุมพรได้ ให้ ปภ.จังหวัดเร่งหาทางช่วยเหลือ โดยด่วนแล้ว ”ขญะที่สภาพอากาศใน จ.ชุมพร ยังคงมีพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักตลอดเวลา ในทะเลคลื่นมีความรุนแงรง พร้อมกับพายุที่ยังคงโหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 ก.พ 63 นางสาวราตรี จันทน์รัตน์ ประมงอำเภอละแม เปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งคืน นายชนะศึก สาตรรอด นายอำเภอละแม ได้ติดตามและรายงานสถานการณ์ให้ นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร ทราบมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องออกช่วยเหลือตลอดทั้งคืน เบื้องต้นทราบว่าก่อนเรือจะจมลูกเรือประมงทั้ง 4 คน เป็นคนไทย 1 คน ชาวเมียนมา 3 คน ได้ใส่เสื้อชูชีพลอยคออยู่กลางทะเล แต่ด้วยสภาพอากาศทัศนวิสัยไม่ดีมีฝนตกทะเลคลื่นลมแรง จึงทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ต่อมา นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รอง ผวจ.ชุมพร ได้ลงพื้นที่สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งตำรวจน้ำ ปภ. หน่วยกู้ภัย ออกช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบลูกเรือชาวเมียนมาทั้ง 3 คนแล้ว ทั้ง 3 คนใส่เสื้อชูชีพและเกาะถังพลาสติกลอยคอมาขึ้นฝั่งที่สะพานบ้านหนองบัว ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ได้2 คน ส่วนอีก 1 คนลอยคอมาขึ้นที่อ่าวคอเขา ในพื้นที่อ่าวหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร สภาพอิดโรยอ่อนแรง ขณะนี้ได้ให้การช่วยเหลือนำตัวไปตรวจสภาพร่างกายที่โรงพยาบาลละแม อาการปลอดภัยแล้ว นางสาวราตรีกล่าวต่อว่า ส่วนผู้สูญหายอีก 1 คน เป็นคนไทย 1 คน คือ นายชลพล พราหมณ์นาค อายุ 45 ปี ไต๋เรือ ขณะนี้ยังไม่พบตัวหน่วยงานเกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าค้นหาให้การช่วยเหลือท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกคลื่นลมแรงอยู่ขณะนี้
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 กพ.63 นายสมพร ปัจฉิมเพชร รอง ผวจ.ชุมพร รับแจ้งชาวประมง ที่บ้านคอเขา หมู่ที่ 15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่าพบร่างของชายหนุ่มวัยกลางคน คาดว่าน่าจะเป็น ไต๋ก๋งเรือประมงที่จมลงกลางทะเลและเป็นข่าวนั้น จึงพร้อมด้วย นายชนะศึก สาตรรอด นอภ.ละแม นส.ราตรี จันทน์รัตน์ ประมง อ.ละแม กำลัง จนท. รุดที่เกิดเหตุ
ที่ร้านอาหารชายคาเคียงเล หมู่ที่ 15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ริมชายหาดคอเขา พบว่าชาวบ้านได้นำร่างของ นายชลพล พราหมณ์นาค อายุ 40 ปี ไต๋ก๋งเรือ สินนำโชค เรือประมงที่จมลงกลางทะเล ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา พร้อมกับลูกเรือชาวพม่าอีก 3 ราย แต่ ลูกเรือพยุงตัว เข้าฝั่งได้ก่อนหน้านี้ สภาพร่างกายของนายชลพลมีบาดแผลไปทั่วตัว อันเนื่องมาจากถูกหินในทะเลบาด และมีอาการอ่อนเพลียอย่างหนัก เมื่อ นายสมพร รอง ผวจ.ชุมพรไปพบยังนอนหลับ จึงสั่งการให้ นายชนะศึก สาตรรอด นายอำเภอละแม และ จนท.นำตัวส่ง โรงพยาบาลทันที
นส.สายชล สุวรรณยอด เจ้าของร้านอาหารชายคาเคียงเล กล่าวว่า”ในช่วงเวลาเที่ยงวันพบ ร่างของนายชลพลถูกคลื่นซัดเข้ามาติดที่ชาวฝั่งใกล้กับร้านเมื่อเข้าไปดู พบ นายชลพลพยายามพยุงตัวขึ้นมาบนฝั่งจึงเข้าไปให้การช่วยเหลือ นายชลพลอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยเหลือเพียงกางเกงใน ร้องขอข้าวกินทันที ก่อนจะหลับสนิทด้วยอาการอ่อนเพลียอย่างหนัก ในเบื้องต้นคาดว่าชายดังกล่าวน่าจะเป็นไต๋ก๋งเรือประมงที่จมลงในทะเลตามที่เป็นข่าว จึงรีบแจ้งไปยัง จนท.ราชการ นายชลพลเล่าให้นางสาวสายชลว่า ลอยคอในทะเลตั้งแต่เมื่อกลางดึกประมาณตีสาม ของวันที่ 18 หลังจากเรือประมงจมลงในทะเล ลูกเรือทั้ง3 คน และ ตนเองถูกคลื่นซัดกระจัดกระจายไปคนทิศละทาง ในช่วงเช้าวันนี้มองเห็นเรือ ตร.น้ำ และเฮลิคอปเตอร์ ได้พยายามร้องเรียกแต่ไม่เห็น เมื่อคลื่นซัดมาหน้าหาดคอเข้า ถูกคลื่นซัดนานกว่า 6 ชม.จึงจะสามารถเข้ามายังชายฝั่งได้ ”
นายสมพร ปัจฉิมเพชร รอง ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า “หลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 กพ.63 จ.ชุมพรได้รับแจ้งในช่วงเย็นว่าเรือประมง อัปปางในเขตหน้าอ่าวละแม จ.ชุมพร จึงประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำเรือตำรวจน้ำ และ เฮลิคอปเตอร์ออกค้นหาทันที จนมีผู้แจ้งว่าพบลูกเรือ3 คนในช่วงเช้า และพบไต๋ก๋งในช่วงเที่ยง อยากจะขอร้องพี่น้องชาวประมงว่า ขอให้เชื่อฟังการประกาศเตือนจากทางราชการอย่างเคร่งครัดด้วย”
