ชุมพร-ตลาดมรกต!! ศูนย์ส่งออกผลไม้ ที่เดียวถึงจีน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปเป็นประธานเปิดศูนย์บริการส่งออกผลไม้เบ็ดเสร็จ กระทรวงพาณิชย์ (One stop Fruit Export Center = OSFEC) ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนา มาตรฐานสินค้าเกษตร (AGQC) ตลาดกลางผัก และผลไม้ในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน จ.ชุมพร (ตลาดมรกต) โดยมี นายบุณยฤทธิ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัยโภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายโกเมทย์ ตันติประวรรณ ผู้บริหารตลาดมรกต นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีต ส.ส.ชุมพร นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ร่วมพิธี และมี นายธีระ อนันตเสรีวิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะเป็นครั้งแรกที่เรามีศูนย์ส่งออกผลไม้เบ็ดเสร็จ เพื่อให้บริการด้านการส่งออกผลไม้ของประเทศเกิดขึ้นที่จังหวัดชุมพร หลังจากนี้จะใช้ “ชุมพรโมเดล” เพื่อที่จะนำไปใช้ในอีกหลายพื้นที่ที่จำเป็นทั่วทั้งประเทศ ซึ่งได้มีการเตรียมการไว้แล้วที่จังหวัดราชบุรี ปทุมธานี นครศรีธรรมราช และจันทบุรี สำหรับ “ชุมพรโมเดล” ก็คือ ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ไปสร้างอาคารใหญ่โต แล้วตั้งศูนย์ ONE STOP SERVICE เพื่อให้บริการการส่งออกผักและผลไม้ของประเทศ แต่จะใช้สถานที่ของเอกชนที่มีความพร้อมอยู่แล้ว และแบ่งส่วนหนึ่งมาจัดตั้งเป็นศูนย์ให้บริการการส่งออกผลไม้แบบเบ็ดเสร็จซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้เป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมาอยู่ร่วมกันในจุดเดียวเพื่อให้บริการกับผู้ส่งออกและเกษตรกร รวมทั้งล้ง (ผู้รวบรวมผลไม้) ที่ตลาดมรกตนี้จัดเป็นศูนย์ส่งออกผลไม้แบบเบ็ดเสร็จศูนย์แรกของประเทศไทย เกิดจากการร่วมมืออย่างเข้มแข็งของกรมการค้าภายในและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว. ) เอสเอ็มอีแบงก์ ซีซีไอซี กรมศุลกากรและเซ็นทรัลแลป กรมวิชาการเกษตร รวมทั้งผู้ส่งออกด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- ระทึกหนุ่มเมาซิ่งกระบะมีคอกชนดะก่อนสิ้นฤทธิ์ชนกำแพงบ้านไปไม่รอด
- พะเยา ฮือฮา! สาวหล่อผอ.รร.ยกขันหมากเงินล้านจาก จ.ลำพูนขอครูสาวดอกคำใต้ คู่แรก จ.พะเยา
- สนามเปิดตัวจังหวัดสระแก้ว "วิ่งเทรลไตรบูรพา ซีรีย์ 4 สนาม 3จังหวัดภาคตะวันออก"
- ตรัง เกษตรกรเลี้ยง 3 สัตว์เศรษฐกิจ ปูดำ-ปูหน้าขาว-กุ้งกุลา รายได้ดีมีตลาดรองรับ ปลดหนี้ 6 ล้านได้ในเวลาปีกว่า
การดำเนินการของศูนย์มีทั้งการคัดแยกขนาด คุณภาพ ตรวจสอบสารตกค้าง โรคพืช แมลง และเก็บรักษา รวมทั้งการบรรจุลงรถห้องเย็นเพื่อการส่งออก และไม่ต้องไปตรวจที่ด่านชายแดน เหมือนที่เคยทำมาในอดีตเพื่อไปประเทศจีน การให้การรับรองของไทยจะมีคิวอาร์โค้ด ซึ่งเป็นการรับรองให้อัตโนมัติจากทางการของจีนด้วย จึงไม่ต้องตรวจซ้ำซ้อนอีกต่อไป เมื่อไปถึงด่านก็จะได้เลนพิเศษจากเรียกว่า กรีนเลน กระบวนการจะสั้นลง ค่าใช้จ่ายถูกลงจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกผลไม้ คล่องตัวขึ้น ล้งและเกษตรกรซึ่งเป็นต้นทางก็จะมีรายได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มูลค่าการส่งออกคล่องตัวขึ้น
“ไทยส่งออกผลไม้ปีละประมาณ 120,000 ล้านบาท ผลไม้ที่ส่งออกมากคือทุเรียน ปัจจุบันไทยส่งออกทุเรียนมากเป็นลำดับหนึ่งของโลก ปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกได้มูลค่า 50,800 ล้านบาท แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้ส่งออกไปแล้ว 47,000 ล้านบาททั้งที่ประสบวิกฤติ แต่กระบวนการในการเร่งรัดการเปิดด่าน โดยเฉพาะการเปิดด่านเวียดนามไปจีน จะช่วยให้กระบวนการส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนคล่องตัวขึ้น ผลไม้ลำดับที่สองคือลำไย ปีที่แล้วมูลค่าส่งออก 30,100 ล้านบาท ลำดับสามมังคุด ปีที่แล้วส่งออก 16,700 ล้านบาท สำหรับปีนี้ครึ่งปีส่งออกมูลค่า 10,400 ล้านบาท การเปิดศูนย์ส่งออกผลไม้เบ็ดเสร็จวันนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำรายได้เข้าประเทศ ก่อนนำรายได้มาสู่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้แบบเบ็ดเสร็จครบวงจรที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ศูนย์บริการเกิดขึ้น และจะใช้ชุมพรโมเดลนี้เป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว
ตลาดมรกตจะให้บริการคัดแยกตัวแทนส่งออกและตรวจโรคพืช สารตกค้าง และบริการพิธีการส่งออกเป็นแห่งแรกในพื้นที่ภาคใต้ มีผลไม้หลักคือ ทุเรียน มะม่วง มังคุด และเงาะ โดยในช่วงแรกยังไม่คิดค่าบริการและค่าสถานที่ ดำเนินงานร่วมกับกรมวิชาการเกษตรในการตรวจด้านสุขอนามัย และมีเจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากร มีสำนักงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) มาให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว และหน่วยงานเอกชนเช่น บริษัท CCIC (ประเทศไทย) จำกัด จากประเทศจีน เพื่อให้บริการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรด้วย โดย สสว.ทำหน้าที่ส่งเสริมการตลาดและเข้าถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการด้วย ตอนนี้ทำงานร่วมกับเครือข่ายเอสเอ็มอีแบงก์ ส่งเสริมการขับเคลื่อนไปสู่สังคมผู้ประกอบการ ส่วนบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง(ประเทศไทย) จำกัด (Central lab) มี 6 ศูนย์ทั่วประเทศ สามารถทดสอบสินค้าได้เร็วสุด 24 ชั่วโมง ช้าสุด 35 วัน และให้การรับรองมาตรฐาน GAP GMP/HACCP ตรวจยาฆ่าแมลง โรค สารโลหะหนักโดยสุ่มตัวอย่างในตู้สินค้า ทางด้านบริษัท CCIT ประเทศไทย คือ หากติดสติ๊กเกอร์ QR Code แล้วจะได้เข้าช่อง fast track ไม่ต้องเปิดค้นตู้อีก ทั้งในไทยและประเทศปลายทาง คือบริษัทที่ให้บริการด้านการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมลดระยะเวลาหรือขั้นตอนในการส่งออก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: