ชุมพร-ไม้ซุงเถื่อน!!กลางป่าดงดิบ แก็งค์อิทธิพลไม่สนโลก
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 ตค.63นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 4 สุราษฏร์ธานี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังที่ จนท.กรมอุทยานแห่งชาติฯ ตรวจสอบพบว่า ที่ ที่วัดห้วยทรายขาววนาราม หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งหลวง อ.ละแม จ.ชุมพร โดยจนท.กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเป็นที่ซุกซ่อน ไม้ท่อนซุงเถื่อนจำนวนมาก พร้อมด้วย หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ 8 ละแม ตำรวจละแม ตำรวจป่าไม้ ไปที่ วัดดังกล่าวพบ ไม้ไข่เขียว ไม้ตะเคียนทราย ขนาดใหญ่2คนโอบ ถูกเลื่อยเป็นท่อนซุง ความยาวท่อนละ4-5 เมตร จำนวน 25 ท่อน ซุกซ่อนบริเวณที่โล่งหลังวัด มีร่องรอยการแปรรูป
สอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นไม้สงวนหวงห้าม และมีต้นตอจากพื้นที่ป่าดงดิบ ป่าน้ำตกจำปูน จึงเดินทางขึ้นไปที่เกิดเหตุท่ามกลางภูเขาสูงชัน ต้องเดินเท้าลุยโคลน ร่วม 1 กม พบพื้นที่บุกรุกป่าดงดิบในหมู่ที่ 17 และ หมู่ที่ 20 ต.ละแม มีท่อนซุงขนาดใหญ่อีกจำนวนมาก รวมถึงตอไม้หลายสิบต้น และไม้ที่มีการแปรรูปซุกซ่อนริมข้างทางจำนวนหนึ่ง
ข่าวน่าสนใจ:
- ขอนแก่น จัดงานสุดยอดมหกรรมเทศกาลอาหาร “ขอนแก่นแซ่บเวอร์ Soft power foodThailand”พบการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน และศิลปินชื่อดังระหว่างวันที่ 25-29…
- จัดยิ่งใหญ่ "กีฬาบ้านแก้งสัมพันธ์" สร้างสุขภาพ-สร้างความสามัคคี คนร่วมงานกว่าพันคน
- ชัยภูมิ นทท.แห่สัมผัสทะเลหมอกน้ำค้างแข็งหลายพื้นที่แตะ 7 องศาคึกคัก!
- กระฮึ่มรุมสาปแช่งทั่วเมืองสาวแสบยังไม่สำนึกขโมยของศาลเจ้าพ่อพญาแลผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ!
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธพืช สั่งการให้ บูรณาการกับ จนท กรมป่าไม้ ตำรวจป่าไม้ ตำรวจละแม และฝ่ายปกครอง เดินทางไปตรวจยึดพื้นที่ ที่ถูกบุกรุก ติดตามตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่า เป็นผู้อิทธิพลคนหนึ่ง ใน เขต จ.สุราษฏร์ธานี รอยต่อกับ อ.ละแม จ.ชุมพร
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 4 สุราษฏร์ธานี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ร่วมสนธิกำลังกับ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ขสป.ควนแม่ยายหม่อน เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 1 สปป.4 (ภาคใต้) หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.8 (ละแม) และฝ่ายปกครอง นายบรรณรักษ์ กล่าวว่า”ภายหลังทราบว่ามีการซุกซ่อนไม้ภายในวัด ใน อ.ละแม และ พบไม้ท่อนซุงตามไหล่ทาง ในพื้นที่ภูเขา พื้นที่อุทยานแห่งชาติควนแม่ยายหม่อน จึงรายงาน นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุรพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ ที่เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด จึงได้นำชุดปฏิบัติการพิเศษ ของ กรมอุทยานฯ (ชุดพญาเสือ) เดินทางมารวบรวมหลักฐานด้านต่างๆ ทั้งนิติวิทยาศาสตร์ ภาพถ่าย เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขยายผลถึงผู้ที่ลงมือ กรณีนี้เป็นขบวนการใหญ่ใช้ทั้งกำลังคน ช้าง รถแทรกเตอร์ และใช้คนจำนวนมากที่สามารถบุกรุกโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้ จึงอยากวิงวอนให้ชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ให้รีบแจ้ง จนท.ทันที เพื่อช่วยกันรักษาผืนป่าไว้”
หลังจากนั้น จนท.ทุกหน่วยงานร่วม 100 นายได้เดินทางขึ้นไปบนภูเขาน้ำตกจำปูน ซึ่งเส้นทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น จึงสามารถขึ้นไปถึงใกล้กับยอดเขา และเดินลุยโคลนดินขึ้นไปอีกร่วม 500 เมตร จนถึงจุดยอดภูเขา พบทั้งตอไม้ขนาดใหญ่มากกว่า 30 ตอ ในระหว่างทางขึ้นไปยังภูเขา ยังพบท่อนไม้ซุงขนาดใหญ่มากกว่า 30 ท่อน วางเรียงรายริมถนนดินที่ขึ้นไปยังภูเขา เป็นลักษณะใช้ช้างลากลงมา และ มีรอยล้อรถแทรกเตอร์อีกส่วนหนึ่ง รอยเท้าช้างส่วนหนึ่ง สำหรับท่อนซุง เป็นต้นไม้หวงห้าม ทั้งไม้ไข่เขียว ตะเคียนทราย และอื่นๆ แต่ละต้นมีอายุมากกว่า 100 ปีทั้งสิ้น คาดว่าน่าจะมีใบสั่งจากกลุ่มนายทุนใน จ.สุราษฏร์ธานี นำไปสร้างบ้านประดับบารมีของตนเอง เพราะเชื่อว่าไม้เหล่านี้เป็นไม้มงคล
ในส่วนรายละเอียด ของไม้หวงห้าม ที่ถูกทำลายมีจำนวนมาก คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 21 ต้น (ตอ) ไม้ท่อน/แปรรูป จำนวน 36 ท่อน 5 แผ่น/เหลี่ยม ไม้ที่ตรวจพบในวัดห้วยทรายขาววนาราม จำนวน 25 ท่อน จากการ ลงตรวจสอบพื้นที่ภาคพื้นดินและทางโดรนบินสำรวจ พบตอไม้เพิ่ม 4 ตอ ไม้ตะเคียนทราย 3 ท่อน สรุปรวมไม้ทั้งสิ้น 64 ท่อน 5 เแผ่น/หลี่ยม ทั้งนี้ กรณีไม้ที่ตรวจยึดสันนิษฐานในเบื้องต้นว่ามาจากพื้นที่ ขสป.ควนแม่ยายหม่อน โดยจะได้พิสูจน์ทราบทางวิธีนิติวิทยาศาสตร์ ต่อไป ลักษณะการทำไม้ เป็นการตัดทอนด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ และใช้ช้างชักลากมากองรวม จากนั้นใช้รถแทรคเตอร์ล้อยาง 2 เพลา และใช้รถ 10 ล้อ ในการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ไปยังวัดดังกล่าว ทั้งนี้ วัดฯ ห่างจาก จุดตัดไม้ประมาณ 50 กม.จึงเข้าแจ้งความ ที่ สภ. ละแม พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิดและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษให้จงได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: