ชุมพร–ควบจยย.ยิงหนุ่มเคอรี่ กระสุนฝังในกระดูกก้านคอ มีปากเสียงคนมีสีเหตุส่งของช้า
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 8 พฤษภาคม 2564 พ.ต.ท.ธานินทร์ อินทสระ สว.สอบสวน สภ.ปะทิว อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายท่าแซะ-ปะทิว บริเวณหน้าตลาดนัดสวนปาล์ม ม.5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จึงรายงานต่อ พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.สภ.ปะทิว ได้ทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจชุดสายสืบ และหน่วยกู้ชีพ กู้ภัยเทศบาลตำบลทะเลทรัพย์
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะตอนเดียว สีขาว หมายเลขทะเบียน บม-1805 ชุมพร ด้านหลังกระบะติดตั้งตู้ทึบสแตนเลส จอดลักษณะขวางอยู่เลนกลางถนน หัวหันหน้ามุ่งไปทางเข้าอำเภอปะทิว เลยทางเข้าซอยไชยรัตน์พัฒนาเล็กน้อย บริเวณกระจกด้านซ้ายแตกกระจาย ส่วนเบาะนั่งด้านขวาพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายชัยรัตน์ ม่วงภิรมย์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพนักงานขับรถส่งพัสดุภัณฑ์ของบริษัทเคอรี่ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณไหปลาร้า จำนวน 1 นัด กระสุนฝังใน นอนฟุบร้องโอดโอยอยู่ จึงได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.ปะทิว
สอบสวนนายมณเฑียร จงจินากูล อายุ 67 ปี ซึ่งพบเหตุและแจ้งตำรวจ ได้การว่า ขณะที่กำลังขับรถ จยย.จะกลับบ้าน จู่ๆ ก็เห็นรถยนต์คันดังกล่าว ลักษณะเหมือนรถกำลังไหลช้าๆ พุ่งสวนมา ตนเองตกใจกระโดดทิ้งรถ จนทั้งรถและคนล้มกลิ้ง แต่เมื่อลุกขึ้นมาก็เห็นคนอยู่ในรถยนต์ร้องให้ช่วย พอดีมีชาวบ้านอีกคนขับ รถ จยย.มา จึงเรียกให้จอดและช่วยเอาหินมาดักล้อรถไว้ไม่ให้ไหล เมื่อเดินไปที่คนขับก็พบว่าเสื้อโชกไปด้วยเลือด และคนขับก็บอกว่าถูกยิง ตน จึงได้แจ้ง 1669 และแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
พ.ต.ท.ธานินทร์ อินทสระ สว.สอบสวน สภ.ปะทิว หลังได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้ว จึงเดินทางไป ยัง รพ.ปะทิว พร้อม พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.สภ.ปะทิว เพื่อสอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นจากผลเอ็กซเรย์พบว่าหัวกระสุนเข้าไปตุงอยู่บริเวณกระดูกก้านคอ ซึ่งเป็นจุดอันตราย จึงได้นำตัวส่งต่อไปยัง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อทำการผ่าตัดด่วน
ในขณะเดียวกัน ได้สอบสวน นายวรพงศ์ ครุฑไชยยันต์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/4 หมู่ที่ 4 ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเดินทางมาพร้อมรถ รพ.ปะทิว และได้พูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายชัยรัตน์ ได้ขับรถไปส่งพัสดุให้กับลูกค้า ในซอยข้างจุดพักตำรวจสายตรวจตำบลทะเลทรัพย์ เขตพื้นที่ ม.7 และหลังขับรถออกมา ก็จะมุ่งไปส่งพัสดุต่อในซอยไชยรัตน์พัฒนา จุดเกิดเหตุ แต่ขณะที่กำลังจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอย ได้มีรถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ ขับมาประกบด้านซ้ายของรถ แล้วก็ชักอาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด จนตนเองฟุบอยู่กับพวงมาลัย ส่วนมือปืน ก็ขับหนีไปโดยไม่ทราบทิศทาง
นางสาวศิริลักษณ์ สอนสุทธิ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/4 หมู่ที่ 8 ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร กล่าวว่า ขณะที่ตนเองได้นั่งรถยนต์ไปส่งพัสดุกับนายรัตนพงศ์ สอนสุทธิ์ ซึ่งเป็นแฟน และมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงานขับรถ สาขา อ.ปะทิว อยู่ นายชัยรัตน์ ได้วีดีโอคอลมา พร้อมบอกว่า พี่ๆ ครับ ผมถูกยิง ช่วยผมด้วย ซึ่งตนเองก็ต่อว่าไป ว่าอย่าพูดเล่น นายชัยรัตน์ ได้หมุนกล้องไปที่ไหล่พบเลือดอาบ จึงได้ขับรถมายังที่เกิดเหตุ ซึ่งก็ได้ทราบเพียงว่า มีคนร้ายขับรถ จยย.มาประกบตนแล้วยิงเท่านั้น และไม่รู้ทะเบียน หรือยี่ห้อ อะไร หลังจากนั้น นายชัยรัตน์ ก็ถูกนำตัว ส่ง รพ.ปะทิว
ในขณะที่ นางสาวชุติมณฑน์ มากพัน อายุ 25 ปี ภรรยาของนายชัยรัตน์ ซึ่งเดินทางมาที่ รพ.ปะทิว ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา สามีกลับจากทำงานแล้วมาปรับทุกข์ ให้ตนเองฟังว่า วันนี้ ไปส่งของให้ลูกค้าช้า และมีปัญหากับลูกค้า ซึ่งลูกค้าคนดังกล่าวนั้นเป็นถึงตำรวจ และถูกตำรวจนายนั้นขู่ด้วย สามีจึงไม่กล้าไปส่ง เพราะอันตราย เลยนำพัสดุกลับมาที่สาขาพร้อมแจ้งให้รีดเดอร์หรือ ผู้จัดการสาขาฟัง แต่จะเป็นด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่า ไม่มั่นใจ
นางสาวมณีวรรณ ขนันเนื่อง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/2 หมู่ที่ 7 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวนั้น ทางนายชัยรัตน์ ได้มาแจ้งให้ตนเองได้ทราบจริง โดยผู้ได้รับเจ็บ ได้บอกว่า วันนั้น ได้มีปากกเสียงกัน โดยลูกค้าโทรมาให้รีบมาส่งของ เพราะลูกค้าจะออกไปทำธุระ ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ซึ่งผู้บาดเจ็บ ก็ได้สอบถามว่า ลูกค้าจะไปที่ไหน เพื่อจะได้นัดไปส่งให้ระหว่างทาง แต่ลูกค้า ได้ตอบกลับมาว่า เรื่องของกู มึงไม่ต้องเสือก ว่ากูจะไปไหน ถ้ามึงไม่มาส่ง ก็ไม่ต้องส่ง ยกเลิกไปเลย ซึ่งทางเราก็ตีกลับไป แต่อีกไม่กี่วัน ก็มีพัสดุชิ้นใหม่ของลูกค้ารายนี้มาอีก นายชัยรัตน์ ซึ่งรับผิดชอบสายนี้ ก็ได้นำของไปส่งให้กับลูกค้ารายนี้ ซึ่งเป็นตำรวจ แต่ครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าไม่น่าใช่
พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.สภ.ปะทิว กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ได้ตั้งไว้หลายประเด็น ทุกประเด็นให้ความสำคัญหมด ไม่ว่า เรื่องยาเสพติด ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บเคยมีประวัติ และเพิ่งมาทำงานเป็นพนักงานขับรถของ เคอรี่ ได้เพียง 3 เดือน ในเรื่องส่วนตัว ตลอดจนเหตุเฉพาะหน้า ที่อาจจะขับรถกระทบกระทั่งกันจนเป็นเหตุ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ออกไปเก็บพยานหลักฐานต่างเพิ่มเติม พร้อมเก็บภาพจากกล้องวงจรปิด ทุกจุด ทุกเส้นทาง เพื่อสืบหาบุคคล และ รถ จยย.ต้องสงสัย ในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ต่อไป
