ชุมพร-ใจชั่วโกงคนแก่!!ตาใจบุญวัย 91ปี ถูกมือดีแอบถอนเงินฝากแบงค์หายกว่า5ล้าน
เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 9 มีนาคม 62นายถน พรหมจันทร์ อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 15 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เล่าว่าเงินในบัญชีธนาคารหายไปกว่า 5 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารบ่ายเบี่ยงไม่ให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน และได้ร้องเรียนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแต่เรื่องก็เงียบหาย
นายถนวัย 91 ปี กล่าวเท้าความว่าตนมีลูก 7 คน เป็นชาย 5 คน ผู้หญิง 2 ส่วนภรรยาเสียชีวิตหลายปีแล้ว มีที่ดินอยู่ในพื้นที่ตำบลรับร่อ และตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จำนวน 230 ไร่ ส่วนลูกๆเมื่อเติบโตมีครอบครัวตนได้แบ่งที่ดินให้ไปทำกินเท่าเทียมกันทุกคน ปัจจุบันตนมีที่ดินเหลื่ออยู่ 70 ไร่ ได้ปลูกสวนยางพาราทั้งหมดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มานาน 20 ปีแล้ว โดยนำเงินที่ขายยางพาราไปฝากไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.ท่าแซะ เพื่อเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้ส่วนตัวและทำบุญยามแก่เฒ่าเพราะไม่อยากรบกวนใคร ปัจจุบันมีลูกๆหลานๆแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนดูแลที่บ้านอยู่ตลอดเวลา
นายถนกล่าวว่าต่อมาในช่วงปลายปี 2559 – 25560 ตนได้ไปถอนเงินจากบัญชี เป็นเงินที่ได้จากการลงทุนซื้อสลาก สัญญา 3 ปี จำนวน 4 ล้านบาท โดยเบิกถอนครั้งละ 1 ล้านบาท รวม 4 ครั้ง จำนวน 4 ล้านบาท ไปมอบให้กับผู้รับเหมาที่ก่อสร้างศาลาการเปรียญรองรับชาวบ้านได้กว่า 200 คน ซึ่งตนสร้างมอบให้กับวัดวังตะเคียน ตำบลท่าข้าม หลักถอนเงินหมดตนก็ปิดสมุดบัญชีเงินฝากเล่มดังกล่าวไปด้วย
นายถนกล่าวว่าต่อมาตนได้เปิดบัญชีเล่มใหม่กับ ธนาคารแห่งนั้น ใช้ชื่อตนร่วมกับชื่อลูกชายอีกคนไว้เผื่อยามฉุกเฉิน โดยมีเงินจากการขายยางพาราฝากสะสมเรื่อยมาจนมีมากกว่า 2,800,000 บาท และเงินที่ซื้อสลาก ธนาคาร.
ครบตามสัญญา 3 ปี โอนเข้าบัญชีอีกจำนวน 1,679,890 บาท พร้อมดอกเบี้ยและเงินฝากอื่นๆอีกรวมมากกว่า 5 ล้านบาท โดยสมุดเงินฝากตนเป็นผู้เก็บไว้อย่างดีที่บ้าน
กระทั่งเมื่อกลางปี 2561 ตนจะไปถอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อนำไปทำบุญสร้างมณฑปให้แก่วัดแหลมยาง ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเอาสมุดบัญชีเงินฝากไปตรวจสอบแล้วบอกว่ามีการเบิกถอนเงินไปเกือบหมดแล้วเหลืออยู่เพียง 3 แสนบาทเท่านั้น ตนถึงกับตกใจและบอกว่าที่ผ่านมามีแต่เอาเงินมาฝากไม่เคยมาถอนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่ามีการเบิกถอนไปแล้วจริงๆครั้งแรกถอนไปกว่า 3 ล้านบาท ครั้งที่ 2 อีก 1 ล้านบาท รวมเงินของตนหายประมาณ 5 ล้านบาท และก็ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าใครมาเบิกถอนและเบิกถอนไปได้อย่างไร
นายถนกล่าวต่อว่าหลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.ท่าแซะ แต่ตำรวจบอกว่าให้ตนไปเอาหลักฐานและสลิปเบิกถอนจากธนาคารมา เมื่อตนไปขอที่ธนาคารเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้ไม่ได้เพราะเอกสารดังกล่าวเป็นความลับของธนาคารไม่สามารถให้ใครไปได้ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่เข้าใจเรียนหนังสือจบแค่ ป.4 สมัยก่อน โทรศัพท์ก็ไม่มีใช้ไม่เป็น เจ้าหน้าที่บอกอย่างไรตนก็เชื่อหมด ต่อมาตนได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร และร้องเรียนทหารที่มณฑลทหารบกที่ 44 ชุมพร เรื่องก็เงินหายไม่เห็นมีใครมาสอบถามอะไรตนเลย มีแต่นายทหารมาบอกกับตนว่าลุงมีเงินอยู่เพียง 4 ล้านบาทเท่านั้นแต่ได้เบิกไปหมดแล้ว ซึ่งตนก็บอกไปว่าเงิน 4 ล้านที่เบิกไปสร้างศาลาการเปรียญนั้นเป็นเงินจากสมุดเงินฝากคนละบัญชีกันกับเงินที่หายไป แต่ก็ไม่เห็นได้ดำเนินการใดๆอีกเลย
นายถนกล่าวว่าเมื่อเรื่องร้องเรียนผ่านไปนานหลายเดือนไม่มีอะไรคืบหน้าจนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 62 ที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หลังจากตนกลับมาบ้านก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ 4 นาย มาสอบปากคำตนแล้วก็กลับไป
เงินที่มีการเบิกถอนไปจากธนาคารตนได้ถามลูกหลานแล้วและทุกคนบอกว่าไม่มีใครรู้เรื่อง เมื่อสอบถามจากทางธนาคารเจ้าหน้าที่ก็โยนไปมาไม่มีคำตอนที่ชัดเจนว่าใครเป็นคนไปเบิกเงินตน เบิกถอนไปได้อย่างไร ซึงตนจะเอาเรื่องและดำเนินคดีความให้ถึงที่สุดไม่ว่าใครหรือแม้แต่ลูกหลานก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่เคยไปเบิกถอนเงินดังกล่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่เหตุใดเงินจึงหายไปและธนาคารก็ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะเป็นเงินที่ตนเก็บอดออมไว้ใช้ส่วนตัวและทำบุญเป็นที่พึ่งทางใจยามแก่เฒ่า จึงต้องร้องเรียนสื่ออยากให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบให้ตนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อสอบถามไปยังผู้บริหารของ ธกส.และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ เนื่องจากเป็นวันเสาร์และอาทิตย์หยุดราชการ ซึ่งความคืบหน้าข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจะติดตามมารายงานให้ทราบต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: