ชุมพร-ไม่แพ้ใคร!!ระดมสมองแพทย์แผนไทยรุดหน้า
ที่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร อ.ละแม จ.ชุมพร นางจิดาภา ปรีชานุภักดิ์ ประธานสมาพันธ์แพทย์แผนไทยภาคใต้ กล่าวรายงานว่า”สมาพันธ์แพทย์แผนไทยภาคใต้ซึ่งประกอบด้วยสมาคม ชมรม กลุ่มแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน รวมถึงประชาชนผู้สนใจ 14 จังหวัดในภาคใต้รวมถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดลพบุรีรวมเป็น 16 จังหวัด รวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรแพทย์แผนไทย ตั้งชื่อว่า”สมาพันธ์แพทย์แผนไทยภาคใต้” เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายนพ.ศ 2534 เป็นเวลา 28 ปีแล้ว ได้จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี อีกได้จัดตั้งเครือข่ายสมาพันธ์แพทย์แผนไทยในทุกจังหวัดตามความเหมาะสมปัจจุบันมีสมาชิก 2,000 กว่าคนซึ่งจะประชุมสัมมนากันทุก 4 เดือนหรือปีละ 3 ครั้ง
มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมการแพทย์แผนไทยตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและร่วมกันเทิดทูนเผยแพร่พระเกียรติคุณในสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สมาชิกได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การนำกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยมาใช้อย่างถูกต้อง เพื่อร่วมกันพัฒนามาตรฐานการศึกษาและการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ให้สมาชิกมีความรู้ สามารถทดสอบรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสู่การประกอบอาชีพแพทย์ ไปที่ยั่งยืน เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยให้กับลูกหลานไทยไว้ให้เกิดความรักและหวงแหนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เพื่อส่งเสริมจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย ในการจัดประชุมได้รับความอนุเคราะห์จากพระมหาขวัญชัยเจ้าอาวาสวัดน้ำตก อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้วิทยาเขตชุมพร และคณะเจ้าภาพในจังหวัดชุมพรทุกท่าน
พลเรือเอกชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทยกล่าวเปิดการสัมมนาว่า“ปัจจุบันวิชาชีพการแพทย์แผนไทยซึ่งมีกรรมวิธีในการรักษาโรคและใช้สมุนไพรรักษาโรคบำรุงร่างกายเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ มีการพัฒนาในรูปแบบต่างๆที่ทันสมัย ถูกหลักอนามัย ปลอดภัยต่อผู้บริโภค การประชุมสัมมนาสมาพันธ์แพทย์แผนไทยภาคใต้เป็นการพัฒนาทั้งวิชาการและการปฏิบัติไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับประเทศชาติ อีกทั้งยังตั้งเป้าเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและเผยแพร่พระเกียรติคุณโดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและปลูกพืชสมุนไพรไว้ใช้ในชีวิตครอบครัว ซึ่งแสดงถึงความจงรักภักดีและร่วมกันเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งของคนไทยอีกทั้งยังได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การนำกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยด้วย ซึ่งจะได้นำไปสู่การพัฒนาระบบมาตรฐานวิชาชีพการแพทย์แผนไทยในด้านการศึกษาและการประกอบวิชาชีพให้สมาชิกมีความรู้ความสามารถเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยได้ช่วยเหลือสังคมและการประกอบวิชาชีพที่ยั่งยืนให้ลูกหลานได้สืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยต่อไป
