ชุมพร-กรรม!!คู่อริบุกเผาจยย.กลางดึก.ผญบ. ใจเด็ดยิงไล่ เช้าตายข้างถนน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 ก.ย.62 พ.ต.ท.อำพล นุชนงค์ สว.(สอบสวน)สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถ จยย.แหกโค้งชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิตที่บริเวณถนนเพชรเกษม-รับร่อ หมู่ 4 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ แพทย์เวร รพ.ท่าแซะ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร
ข่าวน่าสนใจ:
- หนาวนี้ไปแอ่วเมืองเจียงฮายกั๋นเต๊อะ! ส่อง 7 อีเวนต์ไฮไลต์ใน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”
- สองแม่ลูกปีนหน้าต่างชั้น 2 หนีตายไฟไหม้บ้านกลางดึก คาดไฟฟ้าลัดวงจร
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
- เดือดกลางวอล์กกิ้ง ปมขัดแย้งร้านบีบีกัน ควงมีด ควงปืน หมายเปิดศึก พลเมืองดีห้ามวุ่น หวั่นนทท.ถูกลูกหลง
ที่เกิดเหตุริมถนนลาดยางทางไปชายแดนไทย-เมียนมา พบรถ จยย.ฮอนด้า สีแดง-ขาว ทะเบียน 1กก.1057 ชุมพร ชนอัดติดอยู่กับเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิตทาบชื่อ นายเกษมศักดิ์ นิยมธรรมชาติ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 14 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สภาพศพนอนหงายหน้าส่วนขาทั้งสองข้างเกยอยู่บนรถ จยย. แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพปรากฏว่าไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุรถ จยย.แหกโค้งเสียชีวิต ตรวจสอบพบที่สะบักหลังด้านขวามีรูกระสุนปืนไม่ทราบชนิด 2 รู หัวกระสุนตุงอยู่ที่คอด้านหน้า
จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อช่วงเวลา 03.00 น.กลางดึกของคืนเดียวกันได้มี นายกู้เกียรติ วังชิต อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดไปแจ้งความว่าช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนได้มี นายเกษมศักดิ์ นิยมธรรมชาติ อายุ 32 ปี บุกเข้าไปจุดไฟเผารถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าบ้านของตนแล้วหลบหนีไป ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับศพที่เจ้าหน้าที่ไปชันสูตร จึงประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวให้ทราบเรื่อง
ต่อมาเวลา 09.00 น.นายกู้เกียรติ วังชิต อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลท่าข้าม ได้เดินทางไปพบกับ พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ พร้อมกับนำอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของกลางไปมอบให้ โดยนายกู้เกีรติให้การว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านก่อนไปแจ้งความ นายเกษมศักดิ์ผู้ตายได้บุกไปเผารถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าบ้านของตน เมื่อตนได้เปิดประตูออกมาเห็นคนร้ายหลังลงมือเผารถ ได้วิ่งไปขับรถ จยย.เพื่อหลบหนีไป ตนจึงใช้อาวุธปืนยิ่งขู่ไล่หลังไปจำนวน 2 นัด แต่ก็คิดว่าไม่ถูกใครเพราะมืดมาก จากนั้นหลังจากตนใช้น้ำราดดับไฟที่กำลังไหม้รถ จยย.จนดับลง แล้วตนได้ไปเปิดดูกล้องวงจรปิดที่ตนติดตั้งไว้ซึ่งเห็นหน้าตาคนร้ายชัดเจนว่าเป็นนายเกษมศักดิ์เป็นผู้บุกมาเผารถ จยย.ของตน จึงนำหลักฐานไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ท่าแซะ จนกระทั่งมาทราบว่านายถูกยิงแล้วขับรถหนีไปตายแหกโค้งตายที่เกิดเหตุจึงรีบมามอบตัวดังกล่าว
นายกู้เกียรติ วังชิต อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลท่าข้าม กล่าวว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นายเกษมผู้ตายไม่ทราบว่าโกรธเคียงตนเรื่องอะไร โดยครั้งแรกได้ลอบทุบรถยนต์กระบะที่ตนจอดอยู่ในลานวัดช่วงงานประจำในตำบลท่าข้าม ครั้งที่ 2 ลอบเข้าไปทุบทำลายรถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ครั้งที่ 3 ใช้หนังใช้หนังสะติ๊กยิงรถยนต์กระบะของตนที่จอดอยู่หน้าบ้าน ครั้งที่ 4 บุกมาทุบตู้ก๋วยเตี๋ยวของภรรยาตนที่เปิดขายอยู่ข้างบ้านจนแตกเสียหาย โดยครั้งที่ 1และที่ 2 ตนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าแซะ แต่มีการมาเจรจาไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายซึ่งตนก็ยอมความให้ ส่วนครั้งที่ 3 ตนไม่ยอมความและผู้ต้องหาอยู่ระหว่างประกันตัว แล้วจากนั้นมาก่อเหตุครั้งที่ 4 อีก เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับดำเนินคดี จนมาก่อเหตุครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายเกษมได้มาบุกมาลอบเผารถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าบ้านของตนอีก จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยตนไม่มีเจตนาจะยิงให้ตายแต่เพื่อยิงขู่เท่านั้น ที่ผ่านมาตนก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้ตายถึงโกรธเคืองอาฆาตตนได้ขนาดนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะนายเกษมเข้าใจว่าตนไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติพฤติกรรมไม่ดีของผู้ตายก็เป็นได้
ด้าน พ.ต.อ.พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุนายกู้เกียรติ วังชิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลท่าข้าม ได้มาแสดงตนพร้อมนำอาวุธปืนมามอบให้กับตำรวจแล้ว และได้สอบปากคำไว้เป็นการเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะต้องรวบรวบพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่ายให้ชัดเจนเสียก่อน จากนั้นก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: