“ชินกรบ้านไกร ต้นยางสูงใหญ่ หลวงพ่อใยศักดิ์สิทธิ์” นี่คือคำขวัญประจำ ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายชิน ฝ้ายเทศ หรือ “ชินกร ไกรลาศ” ศิลปินแห่งชาติ นักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ด้าน “หลวงพ่อใย” เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดยาง หรือวัดคุ้งยาง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 215 ปี ได้ปกครองพัฒนาวัดระหว่างปี พ.ศ. 2470 – 2485 แม้เวลาจะล่วงเลยมานาน 80 ปี แต่หลวงพ่อใยก็ยังคงเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านจนทุกวันนี้
พระสำรวย คุณธรรมโม หรือหลวงตารวย อดีตรองเจ้าอาวาสวัดคุ้งยาง (เสียชีวิตแล้ว) ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อใย บอกว่า “หลวงพ่อใย” เดิมชื่อนายใย มาดหมาย บ้านเกิดอยู่หมู่ 4 ต.ไกรนอก เป็นบุตรของนายมาดกับนางจิ๋ว มาดหมาย มีพี่น้องรวม 6 คน คือ นายยอด , นายพรม , นายพราม , นายใย , นายน้อย และนายจิต มาดหมาย ตอนเป็นเด็ก หลวงพ่อใยล่องเรือ 15 วัน 15 คืน ไปกรุงเทพฯ บวชเรียนอยู่ที่วัดอนงคาราม กระทั่งอายุ 20 ปี ก็กลับมาบ้านบวชเป็นพระ ครั้งเมื่ออายุได้ประมาณ 25 ปี ก็สึกไปแต่งงานอยู่กินกับนางโกย คนบ้านสวน อ.เมืองสุโขทัย และทำมาค้าขายอยู่ในตลาดบ้านสวน ฐานะร่ำรวยขึ้นตามลำดับ มีร้านขายของ มีห้องให้เช่า 5 ห้อง มีเรือบรรทุกข้าว 30 ตัน รวมทั้งเปิดโรงฝิ่น ขายฝิ่น และติดฝิ่นอย่างมาก
หลวงพ่อใยไม่มีลูก จึงรับลูกของน้องชายมาเลี้ยง 2 คน และในช่วงอายุประมาณ 50 กว่าๆ ได้ล่องเรือบรรทุกข้าวไปขายที่กรุงเทพฯ ไปถึงก็ให้เพื่อนที่เป็นคนจีนเป็นคนเอาข้าวไปขาย ส่วนตัวเองก็นอนสูบฝิ่นรอ ปรากฏว่าถูกเพื่อนคนนี้ขโมยเงินหนีไปทั้งหมด รวมทั้งเรือด้วย ทีนี้ก็ไม่มีเงินกลับ จึงได้ไปอาศัยอยู่ที่วัดอนงคาราม ซึ่งเป็นวัดที่เคยบวชเรียนในวัยเด็ก และตัดสินใจเลิกสูบยาฝิ่น และบวชเป็นพระอีกครั้ง อยู่ที่นั่น 1 ปีเต็มๆ ญาติทางสุโขทัยก็เข้าใจว่าตายไปแล้ว จึงได้ทำบุญตักบาตรไปให้ หลัง 1 ปีผ่านไป หลวงพ่อใยก็กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดคุ้งยางบ้านเกิด นางโกยผู้เป็นภรรยาก็เฝ้าแวะเวียนมาหา ขอร้องให้สึกจากพระกลับไปอยู่บ้านด้วยกัน แต่เหมือนชีวิตของท่านถูกลิขิตไว้แล้ว ที่สุดก็ไม่ได้สึก แม้ใจอยากจะสึกตามคำร้องขอของภรรยาก็ตาม ภายหลังอยู่วัดบ้านเกิดได้ 5 ปี หลวงพ่อใยก็ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดคุ้งยาง ต่อจากพระอาจารย์ทิพย์ และอยู่พัฒนาวัดแห่งนี้ได้ 15 ปีก็มรภาพ สิริอายุ 76 ปี
หลวงตารวย เล่าต่อว่า หลวงพ่อใยเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ มีวาจาน่านับถือ พูดอะไรใครก็เชื่อฟัง และท่านเป็นพระที่เทศน์เก่ง มีความรู้ด้านสมุนไพรไทย ด้านช่างไม้ และมีวิชาอาคม ทำน้ำมนต์รักษาโรคเจ็บป่วยต่างๆ ช่วยชาวบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะคนถูกงูพิษกัด ถ้าไม่ได้ท่านช่วยคงตายกันไปหลายคนแล้ว เพราะสมัยนั้นชาวบ้านไม่สะดวกไปโรงพยาบาล อยู่ห่างไกลมาก การเดินทางก็วันกับอีกคืนกว่าจะถึง ใครเจ็บป่วยหรือถูกงูพิษกัด ต่างก็ต้องมาหาหลวงพ่อใยให้ท่านช่วยรักษาทั้งนั้น หลวงตาเองก็เป็นศิษย์ นอนอยู่ในกุฏิเดียวกับหลวงพ่อใย ตอนท่านละสังขาร หลวงตาอายุได้ 16 ปีแล้ว และสิ่งที่หลวงพ่อใยได้สร้างบุญกุศลไว้ระหว่างที่ท่านยังอยู่ นอกจากการช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และพ้นตายจากการถูกงูพิษกัด ท่านยังได้สร้างหอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ ทำกลองใหญ่ ขุดบ่อน้ำ และเตรียมจะก่อสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนวัดคุ้งยาง แต่ท่านมรณภาพเสียก่อน และงานก่อสร้างส่วนใหญ่ หลวงพ่อใยจะเป็นผู้ร่วมทำด้วย เพราะท่านมีความรู้ด้านช่างไม้
ครั้งเมื่อละสังขารจึงได้มีการสร้างรูปจำลองหลวงพ่อใย เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้ และรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน มีอยู่วันหนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งในหมู่บ้านได้เกิดความซุกซน ใช้เคียวเกี่ยวข้าวไปเกี่ยวคอรูปจำลองหลวงพ่อใย จนทำให้กลายเป็นใบ้ พูดไม่ได้ในทันที ญาติของเด็กทราบเรื่องจึงพากันมากราบไหว้ขอขมา และให้บวชเณรแก้บน เด็กน้อยดังกล่าวจึงสามารถพูดคุยได้ปกติเหมือนเดิม จากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เล่ากันปากต่อปาก ทำให้มีผู้คนจากทั่วสารทิศ แห่กันมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อใย เพิ่มมากขึ้นทุกวันจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าเป็นเรื่องเจ็บป่วย ทุกข์ร้อนใจ อยากไปทำงานเมืองนอก หรือปรารถนาคู่ครองในชีวิต ต่างก็รำลึกถึงหลวงพ่อใย และพากันมาขอพรที่วัดคุ้งยางแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
นายโฉม ฝ้ายเทศ (เสียชีวิตแล้ว) อดีตสมาชิกสภาจังหวัดสุโขทัย 2 สมัย และเป็นพี่ชายของ “ชินกร ไกรลาศ” เล่าให้ฟังว่า พระที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในยุคนั้น นอกจากหลวงพ่อใยแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อมา วัดป่าม่วง ต.ไกรใน กับหลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง ต.ไกรกลาง “ตอนเป็นเด็กเวลาเจ็บป่วย ก็จะมารักษากับหลวงพ่อใยเช่นกัน เพราะท่านเก่งในเรื่องรักษาโรคโดยใช้สมุนไพรไทย และที่ทำให้ท่านมีชื่อเสียงมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องของการรักษาคนถูกงูเห่ากัด จากที่ใกล้ตายก็ฟื้นขึ้นมากินข้าวต้ม ที่หลวงพ่อใยสั่งให้คนเตรียมไว้ สักพักก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้านหายเป็นปกติ”
สำหรับเจ้าอาวาสวัดคุ้งยาง ตามลำดับ มีดังนี้ (1) พระอาจารย์เฉย ดำรงตำแหน่งระหว่างปี พ.ศ. 2350-2401 (2) เจ้าอธิการครุด 2401-2446 (3) พระอาจารย์เภา 2446-2453 (4) พระอาจารย์เพชร 2453-2460 (5) พระอาจารย์ทิพย์ 2460-2470 (6) เจ้าอธิการใย 2470-2485 (7) เจ้าอธิการน้อย 2485-2488 (8) เจ้าอธิการพราหม์ 2494-2509 (9) พระอธิการเฉลิมศักดิ์ 2518-2520 และ (10) พระมหาสถิตพงษ์ หรือพระครูสุธรรมวโรทัย ดำรงตำแหน่งปี พ.ศ. 2521 ถึงปัจจุบัน
นางแปลก ผ่องศรี ชาว ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ บอกว่า ตนเองมากราบไหว้หลวงพ่อใยทุกเดือน เพื่อขอพรให้ลูกหลาน ที่ผ่านมาก็สมหวังแล้วหลายเรื่อง เช่น ลูกหลานได้ไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน และได้สามีอยู่ประเทศอิสราเอล ก่อนหน้านี้ก็ได้อธิฐานขอรถจักรยานยนต์กับรถกระบะ และอีกหลายอย่าง ส่วนหลานอีกคนเคยขอหวยหลวงพ่อ ท่านก็ให้ถูก 3 ตัวตรงๆ จึงได้นำหัวหมู พวงมาลัย ผลไม้ และจ้างลิเกมาเล่นแก้บนถวายตามสัญญา “หลายคนมีเหรียญหลวงพ่อใยห้อยติดตัว และประสบอุบัติเหตุ แต่ก็รอดตายมาได้อย่างอัศจรรย์ เพราะบารมีของท่านคุ้มครอง ส่วนตัวแล้วนับถือและศรัทธาหลวงพ่อใยมาก เพราะมีประสบการณ์กับตัวเองในหลายเรื่อง”
ทั้งนี้ “วัดคุ้งยาง” จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ โดยอ้างถึงบันทึกประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่า “ขุนไกร” เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ ภายหลังสิ้นศึกกับ “อะแซหวุ่นกี้” แม่ทัพพม่า (อะแซหวุ่นกี้ยกทัพใหญ่มาล้อมเมืองพิษณุโลก เมื่อ พ.ศ. 2318 และพระเจ้าตากสินได้ตั้งทัพรอที่บ้านไตร-ป่าแฝก ปัจจุบันคือ บ้านไกร-ป่าแฝก)
สำหรับหลวงพ่อฤทธิ์ไกร หรือหลวงพ่อไกร พระพุทธรูปประจำวัดคุ้งยาง เริ่มสร้างพร้อมอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยนายเฮง ฟักแฟง หรือหลวงตาเฮง , นายฉาย ฝ้ายเทศ (บิดาของชินกร ไกรลาศ) , นายทา ธูปเรือง , นายเปรื่อง ภาคภูมิ , นายโคน ไกรสีกาจ , นายวัน ทรัพย์ซ้อน , นายพร้อมและนายโดย เพชรี่ ครูใหญ่โรงเรียนวัดคุ้งยางขณะนั้น เป็นคณะผู้นำสร้างพระประธานอุโบสถ และเสนอให้ชื่อ “หลวงพ่อฤทธิ์ไกร” แต่ชาวบ้านต่างเรียกกันจนติดปากว่า “หลวงพ่อไกร”
ส่วนต้นยางสูงใหญ่ ขนาด 6 คนโอบ อายุ 211 ปี สูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดคุ้งยาง ก็คงเหลือแค่ความทรงจำดีๆ ที่คนไกรนอกไม่มีวันลืมเลือน เนื่องจากต้นยางนี้หมดอายุขัย มีสภาพผุพัง ชาวบ้านหวั่นหักโค่นจนเกิดอันตราย จึงมีมติให้ตัดโค่นทิ้งเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 โดยระหว่างที่รอชมภาพนาทีประวัติศาสตร์ ต้นยางล้มฟาดพื้นเสียงดังสนั่น ผู้คนต่างกรูกันเข้าไปเพื่อดูใกล้ๆ ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพไปด้วยนั้น ปรากฏว่าจู่ๆก็มีผู้หญิงถูกแม่ย่านางเข้าสิงร่าง แล้วบอกกับชาวบ้านว่าให้ตั้งศาลไว้ตรงต้นยางนี้ เพราะอยากอยู่ที่เดิมไม่อยากไปไหน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: