จังหวัดสุโขทัยประกาศกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในท้องที่จังหวัดสุโขทัย เป็นเขตห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2566 จึงขอความร่วมมือทุกท่านประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร และประชาชนทั่วไปได้ทราบโดยทั่วกัน เนื่องจากในปัจจุบันพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัย พบค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม การคมนาคม และการท่องเที่ยว สาเหตุเกิดจากการเผาป่า เพื่อเก็บหาของป่า ล่าสัตว์ และที่สำคัญคือเกิดจากการเผาวัชพืชทางการเกษตร เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรโดยไม่มีการควบคุม
นายวีระ บัวจันทร์ เกษตรจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ เกษตรกรยังคงนิยมทำการเผาวัชพืช ตอซัง และเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อความสะดวกในการไถเตรียมดิน ทำให้สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อการเกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควันปกคลุมประเทศไทย โลกร้อนขึ้น จึงขอให้เกษตรงดการเผาทุกชนิดในพื้นที่ทางการเกษตร โดยการทำเกษตรแบบปลอดการเผา เพื่อสนับสนุนการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร โดยควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช รวมทั้งใช้ประโยชน์จากเศษพืชในไร่นา ดังนี้ 1.) การไถกลบเศษวัสดุการเกษตรลงไปในดิน เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างของดินให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ส่งผลให้ดินโปร่ง รากพืชชอนไชง่าย ลดปัญหาวัชพืชในแปลงเพาะปลูก เช่น การไถกลบตอซังฟางข้าว หรือใบอ้อยลงไปในดิน เพื่อย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยในดินต่อไป 2.) นำเศษวัสดุการเกษตรที่เหลือทิ้งในแปลงมาใช้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เช่น นำมาทำปุ๋ยหมัก เป็นการช่วยปรับปรุงบำรุงดิน
ข่าวน่าสนใจ:
3.) นำเศษวัสดุที่เหลือทิ้งในแปลงมาใช้ผลิตเป็นอาหารสัตว์ เช่น นำเปลือกข้าวโพดนำมาหมักเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงโค หรืออัดเป็นฟางก้อน นำไปเป็นอาหารโคและกระบือ เป็นต้น 4.) นำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ยอดและใบอ้อย เปลือกและซังข้าวโพด นำมาผลิตเป็นพลังงานทางเลือกได้ เช่น นำมาผลิตเชื้อเพลิงอัดเม็ด หรือเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแข็ง ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการลดปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรได้อีกด้วย ทั้งนี้ การเผาเศษวัสดุการเกษตร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: