นายวัฒน เริงสมุทร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชทางกรมอุทยานฯแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ ขยายเวลาปิดการท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมใดๆบน อ่าวมาหยา และอ่าวโละซามะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคมเป็นต้นไป จนกว่าทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ตามประกาศกรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 28 กันยานที่ผ่านมา ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพีและภาพรวม ของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากทางกรมอุทยานฯ ไม่มีความชัดเจนในการบริหารจัดการ แหล่งท่องเที่ยว เพราะผู้ประกอบการได้มีการทำสัญญากันล่วงหน้า ซึ่งในช่วงไฮซีซั่นจังหวัดกระบี่ปีนี้ มีการตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำ 6 ล้านคน ร้อย80-90 พุ่งเป้าไปที่ อ่าวมาหยา เกาะพีพี เพราะเป็นจุดศูนย์กลางในการท่องเที่ยว หากไม่มีการเปิดอ่าวมาหยาก็จะส่งผลกระทบในระยะยาวแน่นอน ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในภาพรวม
ซึ่งที่ผ่านมา ทางกรมอุทานฯ ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยา มาตั้งแต่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2561 เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพของระบบนิเวศ ห้ามประกอบกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมใดๆ ซึ่งทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเกาะพีพี ก็ยอมรับได้ เพราะถือเป็นการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมีการขยายเวลาต่อไป อีก1เดือน กำหนดเปิดวันที่ 1 พ.ย.61 ก็เริ่มมีปัญหา เพราะเป็นการปิดแบบกะทันหัน และหลังจากนั้นไม่กี่วันทางอุทยานก็ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยาแบบไม่มีกำหนด ทำให้นักท่องเที่ยวที่วางแผนการเดินทาง มาท่องเที่ยวอ่าวมาหยา ในวันที่1 พ.ย.นี้ต้องผิดหวัง
ซึ่งบางส่วนก็ต้องยกเลิกการเดินทาง จึงส่งผลกระทบรุนแรงกับผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งได้มีการทำตลาดไว้ล่วงหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน โดยเฉพาะเกาะพีพี มีการยกเลิกแล้วหลายราย นอกจากจะกระทบท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่แล้ว ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตที่มีการขายอ่าวมาหยาก็จะได้รับผลกระทบด้วย และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะรายได้อันดับต้นๆของจังหวัดกระบี่มาจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยว จึงขอฝากไปยังกรมอุทยานฯ ให้ทบทวนคำสั่งปิดอ่าวมาหยา โดยเร็ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: