ชาวบ้านตำบลปกาสัย อ.เหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ส่วนใหญ่มีเชื่อว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ขนาด 800 เมกกะวัตต์ ด้วยถ่านหินไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะธรรมชาติทางทะเล และแหล่งน้ำ รวมทั้งการประกอบอาชีพทำสวนยางและ ปาล์มน้ำมัน
อีกทั้งการหารายได้เสริมจาดทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะที่บริเวณหาดเกาะหม้อ ม.4 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ตลอดแนวชายหาดระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านต่างพากันหาหอยหวาน ซึ่งมีลักษณะหอยสองฝาคล้ายหอยวิ่ง แต่มีขนาดใหญ่กว่า2-3 เท่า โดยชาวบ้านจะใช้มือคลำหาหอยที่ฝังตัวในโคลนลึกประมาณ 1 นิ้ว บางคนเดินย่ำเท้า โยกตัวไปมาบนหาดทรายสีน้ำตาลแดง ๆ ก้มๆ เงยๆ หยิบจับหอยหวาน บางคนก็ใช้คราดมือลากขีดไปตามหาด บรรยากาศเป็นไปอย่างคักคัก ได้คนละ 2-3 กก. นำไปรับประทาน เหลือจากรับรับทานนำไปขายในราคา กก.ละ 70 -100 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด สร้างรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 300 บาท โดยใช้เวลาเพียง 3-4 ชั่วโมง แม้ว่ารายได้ไม่มาก
นางอาภร คงแก้ว ชาวบ้านทุ่งสาครตำบลปกาสัย กล่าวว่า ตนไม่วิตกในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ที่หลายคนหลานกลุ่มต่างมาเรียกร้องให้มีการยุตติ การก่อสร้าง เพราะตกเชื่อว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถควบคุมมลพิษได้ และไม่ทำลายระบบนิเวศน์ ใกล้เคียงอย่างแน่นอน รวมทั้งการทำการเกษตรก็เช่นเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังสามารถหารายได้เสริมได้ตามปกติ เช่นปัจจุบันชาวบ้านออกมาหาหอยหวานขายเป็นรายได้เสริม วันละ 2 – 3 กก. ขายได้ประมาณ 300 – 500 บาท ซึ่งเป็นรายได้เสริมของครอบครัว อนาคตชาวบ้านก็ยังคงหาหอยหวาน ตามปกติ ถึงแม้จะมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินก็ตาม
สำหรับเกาะหม้อ แหล่งอาศัยของหอยหวาน เป็นหอยที่มีรสชาติดี๊ดี เนื้อหวาน และมีขนาดใหญ่ สามารถเอาไปต้มกิน หรือผัดน้ำมันหอยก็อร่อย โดยราคาในปัจจุบัน กิโลกรัมละ 70 – 100 บาท หอยหวานอาศัยตามหาดทรายปนขี้แลน มีความยาวตามป่าชายแลน เมื่อน้ำลงจะมีสันดอนหาดผุดขึ้นตรงกลางอ่าว พื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก มีคลองสาขาน้อยใหญ่หลายสายมาบรรจบกันที่ปากอ่าวเกาะหม้อ เช่น คลองเพลา คลองท่าเรือ คลองด้วน คลองนนท์ คลองปกาสัย มีต้นน้ำมาจากเทือกเขาพนมเบญจา มีป่าชายเลนที่สมบูรณ์
