สำนักข่าว UtusanTv มาเลเซีย ได้เขียนบทบาทกล่าวถึง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จังหวัดยะลาสะดุ้งจากการปล้นอาวุธปืนของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน 4 แห่งคือ ที่ อ.กรงปีนัง ยะหา และอีก 2 แห่งใน ต.ลําใหม่
จากรายงานของสื่อในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีสมาชิกอย่าง น้อย50คนสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุดังกล่าวประมาณ 4 วัน หลังจากมาเลเซียประกาศว่า Datuk Mohd Rabin Basir อดีตผู้อํานวยการใหญ่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (MKN) ได้รับ การแต่งตั้งให้เป็นผู้อํานวยความสะดวกคนใหม่ของมาเลเซีย สําหรับกระบวนการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดยะลาพิสูจน์ให้เห็นว่า การพูดคุยสันติภาพทั้งหมดทั้งในระดับเทคนิค และในการประชุมหลักเป็นทางการไม่สามารถหยุดความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยได้ หมายความว่าความพยายามของรัฐบาลไทยที่มีมาเลเซียเป็นผู้อํานวยความสะดวกเพื่อสันติภาพของ ประชากรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยก็ล้มเหลวเช่นกัน !
เหตุการณ์ปล้นปืนดังกล่าวนั้น พิสูจน์ให้เห็นว่า ความหวังที่จะได้เห็นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของประเทศไทย ไม่ถูกสั่นคลอนจากการก่อเหตรุนแรงต่อไป เป็นเพียง “ความฝันในเวลากลางวัน” นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่เกี่ยวข้องกับแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) ซึ่งอ้างว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและต่อสู้เพื่อประชากร มุสลิม
ผู้เขียนที่ได้ติดตามความคืบหน้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมาเป็นเวลานาน เกิดข้อสงสัยว่าทําไม “ความแปลกประหลาด” และ “ความผิดปกติ” บางอย่างในกระบวนการพูดคุยสันติภาพไม่เป็นที่รับรู้ของรัฐบาลไทยและมาเลเซียในฐานะผู้อํานวยความสะดวก
การกระทําของพวกเขาทําให้เกิดข้อสงสัยว่า หาก BRN กําลังพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพทําไมในเวลา เดียวกันการก่อการร้ายยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว? หาก BRN บอกว่าพวกเขากําลังต่อสู้เพื่อประชากร มุสลิม เหตุใดพวกเขาจึงไม่สามารถ “หยุด” การโจมตีด้วยระเบิดที่ทําลายสิ่งอํานวยความสะดวกสาธารณะ และการสังหารชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์ ?
นอกจากนี้ยังทําให้เกิดคําถามว่า เหตุใดมีเพียง BRN เท่านั้น ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเจรจากับ รัฐบาลไทย เหตุใดกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอื่น ๆ จึงไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพ คณะ พูดคุยฝ่าย BRN ที่เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพมีคุณสมบัติที่จะเป็นตัวแทนของประชากรมุสลิมใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจริงหรือ ? ประชากรมุสลิมที่อยู่อย่างสงบสุขในจังหวัดดังกล่าว อนุญาตให้BRN เป็นตัวแทนของพวกเขาหรือไม่ ?
บางคนยังถามว่าคณะพูดคุยฯ ประกอบด้วยผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ประเทศไทยหรือไม่ ? และพวกเขาเป็นพลเมืองไทยจริงหรือ ? เพราะมีการพูดคุยกันว่าสมาชิกบางคนของ คณะพูดคุย BRN ในกระบวนการพูดคุยสันติภาพเป็นพลเมืองมาเลเซีย ? จริงหรือไม่ ? หากพวกเขาไม่ใช่ พลเมืองและไม่ได้กลับไปยังจังหวัดดังกล่าวเป็นเวลาหลายสิบปี มันจะรู้สึกแปลกประหลาดหรีอไม่ที่จะมี การพูดคุยกลับกลุ่มนี้ ?
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังเชื่อว่าการเรียกร้องเอกราชเป็นเพียงการแสดงละครโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เพื่อให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพขยายเวลาออกไปแม้ว่าจะล้มเหลวก็ตาม เพราะทําให้พวกเขาได้รับการ ปฏิบัติเป็นพิเศษจากรัฐบาลไทยและมาเลเซียในฐานะเจ้าภาพการเจรจา
ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผู้อํานวยความสะดวกชาวมาเลเซียจาก Tan Sri Zulkifli Zainal Abidin เป็น Mohd Rabin ซึ่ง Mohd Rabin ควรทบทวนผลลัพธ์ทั้งหมดของการประชุมครั้งก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ เกี่ยวข้องกับผู้ร่วมการพูดคุยที่เป็นตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและข้อเรียกร้องของพวกเขา
คณะพูดคุย BRN หรือตัวแทนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจําเป็นต้องมั่นใจว่า พวกเขาเป็นตัวแทนที่ ถูกต้อง คนที่ถูกต้องและมีอํานาจในการหยุดความรุนแรง ตราบใดที่ความรุนแรงยังคงดําเนินต่อไปก็ไม่มี ประโยชน์ในการเจรจา การก่อการร้ายไม่สามารถใช้เป็น “อาวุธ” สําหรับ BRN ใช้ข่มขู่กระบวนการพูดคุย สันติภาพเพื่อให้ทําตามความต้องการของพวกเขา
มาเลเซียในฐานะผู้อํานวยความสะดวกและรัฐบาลไทยควรศึกษาความเป็นไปได้ ในการนําผู้นํา ชุมชนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเข้าร่วมการพูดคุยสันติภาพ นี่ เป็นเพราะแม้ว่า BRN จะอ้างว่ากําลังต่อสู้เพื่อประชากรมุสลิม แต่พวกเขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการโจมตี และสังหารผู้บริสุทธิ์ในจังหวัดดังกล่าว
ดังนั้นมาเลเซียจําเป็นต้องแสดงความเข้มงวดโดยขอให้ BRN หยุดความรุนแรงเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ของประชากรมุสลิม จนถึงตอนนี้ แม้จะอยู่ในสภาวะความขัดแย้งที่เกิดจาก BRN อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทย ยังไม่ละเลยหรือกดขี่ประชากรมุสลิมในจังหวัดดังกล่าว
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เมื่อมาเลเซียมีคณะทํางานเฉพาะกิจ พ.ศ. 2553 นําโดย พลโทTan Sri Abu Bakar Bakar Omar ผู้ล่วงลับ ได้มีการร่วมมือกับรัฐบาลไทยหลายประการเพื่อปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของ คนไทยในด้านเศรษฐกิจการศึกษาและสังคม
มีนักศึกษามุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยหลายคนที่ไปศึกษาต่อที่มาเลเซียจนถึง ระดับปริญญาเอก (Phd) และบางคนได้ศึกษาต่อที่ดารุลอัลกุรอาน ผู้เขียนยังจําได้ว่าในเวลานั้นเนื่องจาก ความพยายามของ หน่วยเฉพาะกิจ 2010 มาเลเซียและเยาวชนไทยมุสลิมได้รับการฝึกอบรมในสาขา อาชีวศึกษา นี่ยังไม่รวมถึงการจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยจัดสรรเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ BRN อยากยอมรับ หรือบางทีพวกเขาอาจไม่รู้อย่างที่คนพูดว่า “นานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านเกิด”
ความจริงก็คือ BRN มีวาระส่วนตัว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงมักขัดขวางการพูดคุยสันติภาพ ที่จะปูทางไปสู่การมุ่งเน้นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย จังหวัด ดังกล่าวนี้ไม่มีการกดขี่ และการเลือกปฏิบัติที่จะบังคับให้ประชากรมุสลิมจับอาวุธต่อต้านรัฐบาลของ ประเทศนั้น
ลัทธิล่าอาณานิคม การกดขี่ การเลือกปฏิบัติ และด้อยพัฒนาเป็นเพียงคําแอบอ้างของกลุ่มแบ่งแยก ดินแดนที่มุ่งทําลายชื่อเสียงของรัฐบาลไทย หากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแน่นอนว่าชาวมุสลิมจะไม่สามารถดําเนิน กิจกรรมได้อย่างอิสระ
จริงอยู่ว่ามีสิ่งกีดขวางบนถนนที่ดําเนินการโดยทางการไทยในจังหวัดดังกล่าว ลองถาม BRN ว่าการ กีดขวางดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความรุนแรงจากการกระทําของ BRN จริงหรือไม่? คนที่ “กดขี่” ประชากร มุสลิม คนที่ทําให้การพัฒนา “ถดถอย” และกําลังคุกคามชวี ิตประชากรมุสลิมไม่ใช่รัฐบาลไทย แต่เป็น BRN ที่ผู้นําของตัวเองไม่ได้เหยียบบ้านเกิดของตัวเองมานานหลายทศวรรษแล้ว
โดยสรุปภายใต้ ผู้อํานวยความสะดวกคนใหม่จะเป็นการดีกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่วาระการพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยต่อไปแทนที่จะถูก “หลอก” ด้วยสโลแกนแห่งอิสรภาพบนเส้นทางที่ บุกเบิกโดย BRN…..
https://utusantv.com/2024/07/20/keganasan-berterusan-bukti-brn-akan-gagalkan-lagi-rundingan-damai/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: