สำนักข่าว UtusanTv มาเลเซีย รายงานเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่อําเภอโคกโพธิ์จังหวัดปัตตานี สมาชิกสามคนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนถูก วิสามัญในการปะทะกับกองกําลังความมั่นคงของไทย ในพื้นที่บ้านป่ายาง อําเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี หลังจากความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขายอมจํานนล้มเหลว
กระบวนการโน้มน้าวใจไม่เพียงแต่ดําเนินการโดยกองกําลังความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคล สําคัญทางศาสนาในท้องถิ่นด้วย แต่ความพยายามทุกวิธีทางก็ล้มเหลวน่าเสียดายที่พวกเขาต้องเสวยชีวิตจาก การถูกยุยงโดยแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN)
พวกเขาทั้งหมดมีประวัติการก่อการร้ายคือฆ่าผู้บริสุทธิ์ขโมยและยุยงปลุกปั่นความรุนแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ยอมรับโอกาสที่ฝ่ายความมั่งคงใหม้ อบตัว และต้อสู้คดีการตามกฎหมาย
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิหนูน้อยวัย 9 ขวบลีลาเป่าแคนนำแก้บนไม่ธรรมดาเตรียมบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่รอบ 198 ปีเมืองชัยภูมิ
- จัดใหญ่!! งานสมโภชน์ปึงเถ่ากง-ม่า ปี'67 จ.ขอนแก่น 10 วัน 10 คืน
- “เหนือพร้อม…เที่ยว” Kick off แคมเปญ “แอ่วเหนือ…คนละครึ่ง”
- ระดมจับรถซิ่ง!! เหตุวัยรุ่นห้าวปะทะกันเดือดปาระเบิดไทยประดิษฐ์ กลางเมือง เตรียมรวบ 15 วัยรุ่น ยึดรถ จยย.ท่อดัง 141 คัน จ.สระแก้ว
แต่หลักคําสอนที่ BRN “ปลูกฝัง” ให้กับคนหนุ่มสาวนั้นแข็งแกร่งมาก จนพวกเขาเต็มใจที่จะสละ ชีวิตของพวกเขา และแล้ว BRN ก็ประกาศว่าเป็นการสละชีวิตเพื่ออัลเลาะห์ “วีระบุรุษของชาต”ิ
สําหรับนักเขียน เยาวชนที่ถูกฆ่าตายไม่ควรที่จะโทษพวกเขาเลย แต่ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบคือ BRN ที่อ้างว่าต้องการต่อสู้เพื่อชะตากรรมของชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
พวกเขาเป็นผู้หลอกใช้กลุ่มเยาวชนที่มีปัญหาเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อเอกราชโดย“ข้อเท็จจริงที่ บิดเบือน” ว่าบาปกรรมที่พวกเขาสร้างไว้จะได้รับการอภัยหากพวกเขาพลีชีพในการต่อกับรัฐบาลไทย สิ่งที่ พวกเขาได้กําลังพูดถึงไม่ใช่ การพลีชีตต่ออัลเลาะห์ แต่เป็นการทรยศ
BRNทรยศต่อรัฐบาลไทยที่เต็มใจเจรจากับพวกเขาBRNทรยศต่อชาวมุสลิมไทยในพนื้ที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ที่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข และ BRN ทรยศต่อศาสนาอิสลามเมื่อตีความคํา ว่าพลีชีพและญิฮาดตามวาระการต่อสู้ที่แคบของพวกเขา
การวิจัยขององค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศไทยพบว่าตั้งแต่ปี 2547 ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของ ประชากร 3 ล้านคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาชวนเชื่อ ของ BRN เพื่อต่อต้านรัฐบาลของประเทศไทยด้วยข้ออ้างในการ เพื่อปลดปล่อยพื้นที่จังหวัดดังกล่าวจาก ลัทธิล่าอาณานิคม
แต่น่าแปลกใจ เมื่อ BRN ยุยงให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวต่อต้านรัฐบาลไทย โดยอ้างว่าเพื่อให้ได้ เอกราช แต่ผู้นํา BRN ได้ “เสวยความสุข” ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในต่างประเทศโดยใช้ความขัดแย้งในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยใช้เป็นทุนในการแสวงหาผลประโยชน์
พวกเขายังใช้โต๊ะเจรจากับรัฐบาลไทยซึ่งมาเลเซียเป็นผู้อํานวยความสะดวกเป็นเวทีสําหรับได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษต่อพวกเขา แต่ในบ้านเกิดของพวกเขาเองประชากรมุสลิมถูกทําให้เป็น “แพะรับบาป” โดยผู้นํา BRN เพื่อต่อต้านกองกําลังความมั่นคง
ความจริงก็คือการต่อสู้เพื่อเอกราชของ BRN นั้นไร้ประโยชน์ แต่ BRN นั้นไร้มนุษยธรรมเพราะ หลอกใช้กลุ่มเยาวชนเป็น “เครื่องมือ” สําหรับการต่อสู้ที่พวกเขารู้ว่าจะไม่มีวันบรรลุผลสําเร็จจนถึงโลกล่ม สลาย
BRN ควรใช้เยาวชนเหล่านี้เป็นทุนในการเจรจากับรัฐบาลไทย เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ของประเทศไทยในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้สั่งให้เพิ่มหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนประจําใน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย มี ทักษะในการประกอบอาชีพการงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาในจังหวัดดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้กลุ่มเยาวชนมีอํานาจแข่งขันในการมีส่วนร่วมกันพัฒนาประเทศ โดยปฏิเสธความรุนแรงที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ดร.ยูโยฟ การดาวี ผู้ล่วงลับเคยกล่าวไว้ว่า “หากเราต้องการเห็นโฉมหน้าของประเทศในอนาคต ให้ มองไปที่คนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน หากเยาวชนในปัจจุบันมาจากแวดวงที่มีศีลธรรมและรอบคอบแน่นอนว่า ประเทศของเราในอนาคตจะเป็นประเทศที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าสถานการณ์ตรงกันข้ามก็จง เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น”
ผู้นํา BRN มี “จิตใจที่มืดมิด” ที่จะเข้าใจคําสั่งสอนของผู้นําศาสนาชั้นนําของโลกเพราะพวกเขา ไม่ได้ต่อสู้เพื่อศาสนาอิสลาม พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อมุสลิม แต่พวกเขากําลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือทําการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อญิฮาดและสละชีวิตเพื่ออัลเลาะห์
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเต็มใจที่จะทําทุกอย่างโดยการปลุกระดมเยาวชนและทําให้ความหวังใน สันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ยิ่งไม่มีความแน่นอนมากขึ้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะรัฐบาลไทย “’ล่าอาณานิคม” ในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวไม่ใช่เพราะ มาเลเซียล้มเหลวในการเป็นผู้อํานวยความสะดวก แต่เป็นเพราะการกระทําความรุนแรงของ BRN
น่าเสียดายมากที่สิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ดาโต๊ะศรี อันวาร์ อิบราเฮ็ม และ นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยได้พบกันหลายครั้งเพื่อจุดประสงค์นี้
ผู้นําทั้งสองพบกันครั้งล่าสุดที่ รันเตาปันยัง – สุไหงโกลก เมื่อวันที่ 3 ส.ค., ภายหลังจาก 48 ชั่วโมงที่ ได้มีการการโจมตีในพื้นที่อําเภอโคกโพธ์ จังหวัดปัตตานี
การพบกันครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความพยายามให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไทย บรรลุสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง แต่ BRN อิจฉาและไม่ต้องการให้สถานการณ์เป็นเช่นนั้น ซึ่งเป็น เหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงยังสามารถสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
สถานการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่า BRN ไม่จริงใจเลย และเป็นการแสดงละครที่ต่อสู้เพื่อชะตากรรมของ ชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย มิฉะนั้นพวกเขาจะเข้าใจอย่างแน่นอนว่ารัฐบาล ไทยและรัฐบาลมาเลเซียด้วยความจริงใจที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดดังกล่าว
นอกเหนือจากการย้ำจุดยืนของรัฐบาลมาเลเซีย ว่า ต้องการช่วยเร่งกระบวนการเจรจาสันติภาพใน ภาคใต้ของประเทศไทยแล้ว อันวาร์ยังให้ความมั่นใจว่ามาเลเซียจะให้ความมุ่งมั่นในทุกสิ่งที่จําเป็นในด้าน ของเศรษฐกิจ ความมั่งคง และ การศึกษา
ดังนั้นหาก BRN จริงใจ ต่อสู้เพื่อชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ต้องการ ทําให้อิสลามมีอํานาจอธิปไตยในการพัฒนาพื้นที่พวกเขาจําเป็นต้องหยุดการโฆษณาชวนเชื่อว่า “รัฐบาล ไทยเป็นนักล่าอาณานิคมและเรียกร้องเอกราช’” ทั้งหมดนี้เป็นงานที่ไร้ประโยชน์
BRN ยังต้องหยุดรับสมัครเยาวชนที่มีปัญหามาเป็นสมาชิก BRN เพราะจะทําให้พวกเขา (เยาวชน) “ตายเปล่า” ซึ่งพวกเขาควรได้รับโอกาสครั้งที่สองในการเปลี่ยนทิศทางชีวิตของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่มั่นใจว่า BRN จะเปลี่ยนแปลงและไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะมีการ เจรจาสันติภาพหลายร้อยครั้งแล้วก็ตาม นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่จริงใจในการต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของ ประชากรมุสลิมและใช้กลุ่มนี้เพื่อเพลิดเพลินกับความสุขในการใช้ชีวิตของพวกเขาในต่างประเทศ
ในขณะเดียวกันในบ้านเกิดของพวกเขาเองที่พวกเขาทิ้งไว้เป็นเวลาหลายปีประชากรมุสลิมถูกคุกคามด้วยความกลัวและความขัดแย้งไม่ใช่โดยรัฐบาลไทย แต่โดย BRN ที่อ้างว่ากําลังต่อสู้เพื่อประชากร การแสดงละครนี้จะดําเนินต่อไปอย่างแน่นอน
ประชากรมุสลิมไม่ควรหลงเชื่อกับการโฆษณาชวนเชื่อ และการเล่น ละครของ BRN อนาคตของ พวกเขาไม่สามารถกําหนดโดย BRN ได้ แต่อนาคตของพวกเขาสามารถวางแผน หล่อหลอม และบรรลุผล ได้ผ่านความร่วมมือกับรัฐบาลไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากความมุ่งมั่นของมาเลเซียในฐานะประเทศเพื่อน บ้านที่อ่อนไหวต่อชะตากรรมของชาวมุสลิมทุกสถานที่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: