สำนักข่าว UtusanTV ได้เขียนบทความ ความเป็นไปได้หรือไม่ หากกรณีหรือถาม… BRN จะรับผิดชอบหรือเปล่า หากการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย “พังทลาย”
แม้ว่าจะยังเร็วเกินไปที่จะตั้งสมมติฐาน แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลไทยที่นําโดยนายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตรยังไม่ได้ให้คํามั่นสัญญาใด ๆ เกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีนางสาว แพทองธาร ชินวัตร ยังคงกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของประชากรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อเขาสั่งให้มีมาตรการบรรเทาทุกข์อย่างรวดเร็วและครอบคลุมสําหรับ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงความห่วงใยอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (น้ำท่วม) โดยเฉพาะในจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาสและจังหวัดสงขลา
เป็นอย่างไรกับกระบวนการพูดคุยที่หยุดชะงักหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้นําของประเทศไทยหลังจากนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ
นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา นางสาว แพทองธาร ชินวัตรไม่ได้ให้คํามั่นสัญญาใด ๆ ในการพูดคุยสันติภาพ และจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งใหม่สำหรับตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายรัฐบาลไทย ซึ่งก่อนหน้านี้นายฉัตรชัย บางชวด พลเรือนที่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าที่คณะพูดคุยฝ่ายรัฐบาลไทย
นายฉัตรชัย บางชวด ซึ่งเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของประเทศไทยได้นําคณะพุดคุยฯ ฝ่ายรัฐบาลไทยมาพูดคุยกับแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) เป็นเวลาประมาณ 10 เดือน
แน่นอนว่าเป็นสิทธิเด็ดขาดของรัฐบาลไทยว่าจะดำเนินการพูดคุยสันติภาพกับ BRN หรือไม่ ซึ่งมาเลเซียเป็นผู้อํานวยความสะดวกในกระบวนการนี้
โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมีความเห็นว่า รัฐบาลไทยกําลังดำเนินการที่ถูกต้องหากไม่ดำเนินการพูดคุยฯ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เกิดผล BRN ยังคงดำเนินการก่อเหตุการณ์รุนแรงในการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้ที่รับใช้รัฐบาลไทย ในความเป็นจริงตั้งแต่เริ่มต้นการกระทำของ BRN นั้น พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่จริงใจในการทำให้การพูดคุยประสบความสำเร็จ
หากพวกเขาจริงใจ ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่มีกรณีการโจมตีชาวมุสลิมและการก่อเหตุระเบิดแต่ BRN ไม่จริงใจ พวกเขาเพียงได้ใช้กระบวนการพูดคุยหาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
พวกเขาต้องการได้รับการปฏิบัติในฐานะ “คนสำคัญ”โดยได้รับการปฏิบัติพิเศษระดับห้าดาวทุกครั้งที่มีกระบวนการพูดคุยสันติภาพ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ “ไม่มีอะไรเลย” จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยยังคงถูกคุกคามด้วยความรุนแรงที่ BRN เป็นผู้บงการ
จงศึกษา มีประโยชน์อะไรที่มีการพูดคุยกับ BRN ที่อ้างตัวเองเป็นกลุ่มกบฏที่มีอำนาจมากที่สุด และต่อสู้เพื่อประชากรมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งที่แท้แล้วพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายตลอดมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
มันเป็นไปไม่ได้ที่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการของกระบวนการพูดคุยสันติภาพถึงหกครั้งจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อสถานการณ์สันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
ที่โต๊ะพูดคุย BRN พูดอย่าง แต่หลังการพูดคุยเขาได้ทำอีกอย่าง พวกเขากระจายข่าวไปทั่วโลกว่าประชากรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยถูกกดขี่ แต่คําโกหกของพวกเขาถูกเปิดเผยเมื่อคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ส่งสมาชิกไปทำการศึกษาในภูมิภาคเมื่อเร็ว ๆ นี้
ผลการศึกษา ตามรายงานของสื่อไทย ICRC พบว่าสิ่งที่ BRN แอบอ้างว่านั้น เป็นการโกหก เป็นความพยายามของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในการดึงดูดความสนใจขององค์กรระหว่างประเทศและประเทศอื่น ๆ ให้การช่วยเหลือพวกเขาในการแบ่งแยกประเทศไทย
ความไม่ซื่อสัตย์นี้เอง ที่จะทำให้เป็นไปได้ไม่ว่ากระบวนการพูดคุยสันติภาพจะดำเนินการกี่ครั้งก็ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ และจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาเลเซียในฐานะผู้อํานวยความสะดวกด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงถึงเวลาแล้วที่ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย จะต้องจัดการโดยรัฐบาลไทยเอง เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสอนความไม่จริงใจให้กับ BRN
หากรัฐบาลไทยเห็นว่า การปฏิบัติการทางทหารเท่านั้นที่จะหยุดความรุนแรงของ BRN ได้… ขอให้เป็นไปตามนั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาการต่อสู้ของ BRN ก็ไม่เคยได้รับการเห็นชอบ และการสนับสนุนจากชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
เป็นเพราะทัศนคติของ BRN ที่ทําให้รัฐบาลใหม่ของไทยไม่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยสันติภาพมากนัก เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากการพูดคุยอย่างเป็นทางการของกระบวนการพูดคุยสันติภาพ 6 ครั้ง และการประชุมทางเทคนิค 13 ครั้ง บรรยากาศของความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยก็ไม่เปลี่ยนแปลงและตั้งแต่ปี 2547 มีผู้เสียชีวิต 7,400 คน และบาดเจ็บเกือบ 14,000 คน
หากรัฐบาลไทยไม่ต้องการที่จะให้ความสำคัญต่อพฤติกรรมของ BRN “น่ารังเกียจ” อีกต่อไป มาเลเซียก็ต้องแสดงความเคร่งครัดด้วยการทำให้แน่ใจว่าไม่มีผู้นําหรือสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายที่ใช้ประเทศของเราเป็นสถานที่หลบภัย
ผู้เขียนสนับสนุนความเคร่งครัดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย Datuk Seri Saifuddin Nasution Ismail ที่ยินดีให้ทางการไทยส่งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีสองสัญชาติ มาเลเซีย-ไทย สิ่งเดียวที่หวังไว้ คือ การตรวจสอบผู้ถือบัตรประจําตัวประชาชนสองสัญชาตินี้ไม่ควรมุ่งเน้นไปที่แก๊งยาเสพติดหรืออาชญากรรมอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้นํา BRN บางคนมีบัตรประจําตัวสองสัญชาติด้วย
หากมีความทะเยอทะยานที่จะดําเนินการอย่างเข้มงวดเพราะการกระทําของพวกเขาผิดกฎหมายในทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ ควรเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดนเพื่อไม่ให้ผู้ก่อการร้ายหลบหนีเข้าประเทศหลังจากก่ออาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยใต้ผ่านท่าข้ามผิดกฎหมายแม่น้ำโก-ลก
แถลงการณ์ของ Datuk Mohd Yusoff Mamat หัวหน้าตำรวจรัฐกลันตัน ซึ่งเน้นย้ำว่าตำรวจจะไม่ประนีประนอมกับบุคคลใด ๆ ที่ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก ผ่านท่าข้ามที่ผิดกฎหมายตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
สรุปได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้รัฐบาลไทยได้ประนีประนอม และรัฐบาลมาเลเซียเป็นคนกลางในความพยายามที่จะสร้างความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย แต่ทัศนคติที่ไม่จริงใจของ BRN ทำลายเจตนาอันสูงส่งนี้
ดังนั้นหากรัฐบาลไทยตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการพูดคุยสันติภาพดังกล่าวนั้น ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะผู้นํา BRN ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยใช้ชื่อของชาวมุสลิม
พวกเขาอ้างว่ากําลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของชาวมุสลิม การต่อสู้ของพวกเขาเป็นญิฮาด และรัฐบาลไทยกําลังลิดรอนสิทธิของชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย แต่ความจริงก็คือ BRN ที่ก่อจลาจลในพื้นที่และสังหารประชากรมุสลิมที่ไม่สนับสนุนการต่อสู้ที่วิปริตของพวกเขา
ดังนั้นแทนที่เป็นการเสียเวลา พลังงานและเงินทองในการพูดคุยกับกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวนั้น จะดีกว่าถ้าทรัพยากรทั้งหมดเหล่านั้นถูกนํามาใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประชากรมุสลิมที่นั่น
ไม่ว่ารัฐบาลไทยจะมีจุดยืนอย่างไรต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพ แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า BRN เป็นสาเหตุของความล้มเหลวของกระบวนการพูดคุยจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หาก BRN แสดงถึงเจตจำนงค์ที่แน่ชัดว่าพร้อมที่จะจริงใจต่อกระบวนการสันติภาพ รัฐบาลไทยคงจะไม่ลังเลที่จะเดินหน้าต่อแน่นอน…..
https://utusantv.com/2024/12/08/brn-bertanggungjawab-jika-rundingan-damai-selatan-thailand-hancur/?&utm_source=whatsapp&utm_medium=social-media&utm_campaign=addtoany
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: