สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซียนำเสนอบทความที่น่าสนใจพร้อมพาดหัวข่าวว่า รัฐบาลไทยยังคง ‘เงียบ’ บีอาร์เอ็น ปั่นป่วนเพราะความโง่เขลาของตัวเอง
แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) เปรียบเสมือน “ไส้เดือนโดนความร้อน” เมื่อรัฐบาลไทยปัจจุบันที่นําโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ให้คํามั่นสัญญาใด ๆ เกี่ยวกับการพูดคุยสันติภาพที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย
ผู้นํา BRN ต่างก็รู้สึก “ร้อนตัว” เมื่อการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นการพูดคุยสันติภาพไม่ได้เป็นประเด็นหลักในการเยือน
พวกเขารู้สึกหงุดหงิดและสิ้นหวังมากขึ้นเมื่อ Datuk Seri Anwar Ibrahim นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน – มาเลเซีย พ.ศ. 2568
อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรเป็นบิดาของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีประสบการณ์ในการควบคุมความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศเป็นเวลาห้าปีตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2549
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ได้หยุดชะงักลง แต่ในทางตรงกันข้าม BRN ต้องโทษตัวเองหากรัฐบาลไทยปัจจุบันไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการพูดคุยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไทยเพิกเฉยต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เห็นได้ชัดเมื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบน้ำท่วมเมื่อเร็วๆ นี้อย่างเร่งด่วน
แต่น่าแปลกใจมากที่ BRN พยายามเน้นย้ำว่าพวกเขาเป็นกลุ่มบริสุทธ์ที่สุดบนโลกของอัลลอฮ์ เมื่อพวกเขาได้กล่าวหารัฐบาลไทยว่าไม่จริงจังกับการแสวงหาสันติภาพในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว
ความจริงก็คือ หากกระบวนการพูดคุยสันติภาพไม่ดำเนินต่อไป BRN ที่ควรเป็นฝ่ายที่จะต้องถูกตําหนิ ซึ่งการกระทำของพวกเขาต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลไทยไม่มีความสนใจต่อการพูดคุยสันติภาพ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องตลก ไม่ว่าในการแถลงการณ์หรือการให้สัมภาษณ์ของผู้นํา BRNที่ “ยกยอตัวเอง” เป็นผู้ปกป้องประชากรมุสลิม ซึ่งความจริงแล้วจนถึงขณะนี้กระบวนการพูดคุยสันติภาพล้มเหลวและไม่บรรลุผลใด ๆ เลยเนื่องจากพฤติกรรมของพวกเขาที่ไม่มีความจริงใจ
แต่ BRN อ้างว่าพวกเขาได้แสดงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการหาทางออกทางการเมืองที่มุ่งยุติความขัดแย้ง พวกเขาถือว่ารัฐบาลไทยไม่จริงจังในการแสวงหาสันติภาพ และกล่าวหาว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ละเลยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
เป็นสิ่งปกติ ที่ BRN ชอบอ้างว่าพวกเขากําลังต่อสู้เพื่อประชากรมุสลิมและระบุว่ากลุ่มนี้ถูกกดขี่โดยรัฐบาลไทย แต่ในความเป็นจริง BRN เป็นผู้รับผิดชอบในการเชิญชวนหรือนำพาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นต่อชุมชนมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าว
ในเมื่อรัฐบาลไทยเต็มใจที่จะพูดคุยกับพวกและเต็มใจให้มาเลเซียเป็นผู้อํานวยความสะดวก BRN ก็แสดงทัศนคติ “พูดโกหก” แสดงตนเป็นมนุษย์ “สองหน้า” และแสร้งเป็นผู้ดีเมื่ออยู่บนโต๊ะพูดคุย เสมือนพวกเขาต้องการสร้างสันติภาพ แต่ในพื้นที่พวกเขาได้ข่มขู่และก่อให้เกิดความโกลาหลรวมถึงการสังหารชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์โดยเฉพาะผู้ที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย
ซึ่งข้อเท็จจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะพูดคุยเพื่อสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 มั่นใจว่าพวกเขาสามารถนําสันติภาพสู่จังหวัดดังกล่าว
ความตั้งใจของกองกําลังทหารดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส Safei Che Lah (นายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ) ซึ่งระบุว่าเขาพร้อมที่จะร่วมมือและแก้ไขปัญหาในระดับรากหญ้า ตลอดจนนําสันติภาพมาสู่พื้นที่จังหวัดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้นำ BRN ได้“ท่องเที่ยว” จากบาหลีไปยังยุโรป ซึ่งคาดว่าในนามของการต่อสู้เพื่อชะตากรรมของประชากรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย พวกเขาได้เพิกเฉยต่อคํามั่นสัญญาของรัฐบาลไทยก่อนหน้านี้ พวกเขามีท่าทีเสมือน “เต่าในกระดองไม่สามารถเอาหัวออกจากกระดองได้” เมื่อพวกเขาเห็นปฏิกิริยาของรัฐบาลใหม่ของไทยที่ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญต่อพวกเขา
เรื่องดังกล่าวทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะความโง่เขลาของ BRN ในการพูดคุยกับรัฐบาลไทยก่อนหน้านี้ น่าแปลกที่การให้สัมภาษณ์ของโฆษก BRN ที่ยกย่องอดีตนายกรัฐมนตรีไทย นายเศรษฐา
ทวีสิน ที่พวกเขาถือว่ามีความมุ่งมั่นมากกว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อการพูดคุยสันติภาพกับพวกเขา
คำถามคือ จริงหรือ BRN ชื่นชมความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้ของ นายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกรัฐมนตรีไทย? หากพวกเขาชื่นชมความพยายามของเขาจริง ๆ เหตุใด BRN จึงขัดขวางการพูดคุยด้วยการโจมตีด้วยระเบิดและสังหารชาวมุสลิมในขณะที่มีการพูดคุยในสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี และ ทำไมในสมัยที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี BRN ยังคงกล่าวหารัฐบาลไทยว่ากดขี่ประชากรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย?
หากพวกเขาต้องการพูดคุยกับรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างจริงใจ เหตุใดเมื่อเกิดน้ำท่วมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้นํา BRN ได้ใส่ร้ายรัฐบาลไทยว่า ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยถูกเลือกปฏิบัติติและถูกทอดทิ้ง?
เหตุใดผู้นํา BRN พยายามหลอกลวงประชาคมโลกด้วยวิธีการใส่ร้ายเช่นนี้ ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เพียงแต่ต้องการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัด
ดังกล่าวโดยทันทีเท่านั้น แต่เขายังสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DDPM) ส่งงบประมาณฉุกเฉินเพื่ออนุมัติให้ดำเนินการบรรเทาทุกข์ในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยด่วน
กรมดังกล่าวยังได้ส่งข้อเสนอเพิ่มเติมต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะในแต่ละพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกรัฐบาลกล่าว
แต่ BRN ทำอะไรกับเหตุการณ์น้ำท่วม? พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยประชาชน แต่เขาไปยิงทหารที่ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมในช่วงภัยพิบัติ
ตามรายงานของสื่อ ณ เวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหาร 5 คน กําลังเติมทรายในกระสอบเพื่อช่วยประชาชนในการรับมือกับน้ำท่วมระลอกสอง ผู้ก่อการร้าย BRN จำนวน 4 คนได้โจมตีพวกเขาด้วยอาวุธสงคราม ส่งผลให้ทหารคนหนึ่งเสียชีวิตในขณะที่อีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส
การโจมตีดังกล่าวได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้าน โดยได้มีการรวมตัวประท้วงพร้อมกับถือผ้าที่เขียนว่า “น้ำท่วมในพื้นที่… ทหารมาช่วยประชาชน… น้ำท่วมลดลง…BRN มายิงทหาร”
การประท้วงโดยการรวมตัวของกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ปฏิเสธการต่อสู้ที่ไร้ศีลธรรมของ BRN เนื่องจากได้นํามาซึ่งหายนะมากกว่าการต่อสู้เพื่อชะตากรรมของประชากรมุสลิม
ซึ่งการประท้วงดังกล่าวมีประชาชนชาวมุสลิมกว่า 500 คน ได้ทำการละหมาดขอความช่วยเหลือจากพระองค์เจ้าอัลเลาะห์ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ดังกล่าว
พวกเขาปฏิเสธการกระทำที่รุนแรงของ BRN และได้แสดงออกผ่านผ้าที่เขียนว่า“พลเมืองอำเภอจะแนะต้องการสันติภาพ พลเมืองอำเภอจะแนะไม่ต้องการความรุนแรง หยุดใช้ความรุนแรง”
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ที่อำเภอจะแนะ แต่ทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ประชากรมุสลิมต้องการอยู่อย่างสงบสุขและปฏิเสธการต่อสู้ที่ไร้ศีลธรรมของ BRN
ไม่แตกต่างจากคนหนุ่มสาวที่กิน“ยาบ้า” BRN ยังคงเพ้อฝันเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อปกป้องประชากรมุสลิม และพวกเขายังเพ้อฝันว่าได้รับการสนับสนุนจากประชากรมุสลิม
ความจริงก็คือการต่อสู้ของ BRN เป็นเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้นําระดับสูงเท่านั้น นั่นคือเป็นเหตุให้ BRN เริ่มเกิดการแตกแยก มีการพูดคุยกันว่าปีกฝ่ายทหาร BRN ไม่พอใจกับการกระทำล่าสุดของหัวหน้าพูดคุย BRN ที่มีการนัดพบกันกับองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศที่ยุโรปเมื่อเร็ว ๆ นี้
หากสิ่งที่กล่าวถึงนั้นเป็นความจริง ก็เป็นการสมควรแล้วที่การต่อสู้ของ BRN ถูกปฏิเสธโดยประชากรมุสลิม และรัฐบาลไทยไม่ยอมรับการเรียกร้องหรือการข่มขู่ของ BRN เพื่อให้มีการพูดคุยสันติภาพต่อไป
นี่เป็นเพราะตราบใดที่ BRN ยังคงเสแสร้งและหน้าซื่อใจคด การพูดคุยก็ไร้ประโยชน์และในเรื่องนี้มาเลเซียในฐานะผู้อํานวยความสะดวก ก็ต้องมีทัศนคติที่ควรระมัดระวังกับบทบาทที่มีเล่ห์เหลี่ยมของ BRN
เนื่องจากเห็นว่า BRN พยายามร่วมมือเพื่อได้รับกองทุนสนับสนันโดยอ้างว่าชุมชนมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ถูกกดขี่ในขณะที่การสอบสวนของสภากาชาดสากลในจังหวัดดังกล่าวได้ออกแถลงการปฏิเสธในเรื่องนี้แล้ว
ด้วยเหตุที่มีการร่วมมือกับกับองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ดร.นิก มาตุลเลาะห์เสรี โฆษก BRN รองหัวหน้าฝ่ายเทคนิค BRNกล่าวว่า BRN พร้อมที่จะพูดคุยกับรัฐบาลไทยได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ไม่มีเงื่อนไขว่า การพูดคุยจะต้องผูกพันตามรัฐธรรมนูญไทย ในขณะเดียวกัน BRN ต้องการให้องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศมีส่วนร่วมในการพูดคุยสันติภาพด้วย
คำถามคือ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นจังหวัดในดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย เป็นหนึ่งในดินแดนที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย แล้วเหตุใดกระบวนการพูดคุยสันติภาพจึงจะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญไทย?
อะไรคือแรงจูงใจหรือกลอุบายของ BRN? หรือเป็นการส่อความหมายว่าหลังจากนี้BRN ต้องการให้องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศหรือฝ่ายต่างชาติจัดการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เพราะความเชื่อที่บิดเบือนว่าจังหวัดดังกล่าวกําลังถูก “ล่าอาณานิคมและกดขี่โดยรัฐบาลไทย”
ข้อสรุปนั้นง่ายมาก… หาก BRN ไม่ต้องการทำตามที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ ปล่อยให้ประตูสู่การพูดคุยปิดตลอดไป หลังจากนั้นเราคอยมาดูกันว่า ผู้นํา BRN จะปั่นป่วนอย่างไร เพราะการกระทำที่แสดงให้เห็น ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือ แนวร่วมล่มสลายแห่งชาติ “Barisan Runtuh Negara”
/////////////////
https://utusantv.com/2024/12/23/pemerintah-thailand-terus-membisu-brn-menggelupur-akibat-kejahilan-sendiri/?swcfpc=1
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: