ภูเก็ต-รองนายกรัฐมนตรี“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่จังหวัดพังงา รองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจนเกินขีดความสามารถรองรับของสนามบินภูเก็ต กว่า 5.5 ล้านคน
วันนี้( 25 ตุลาคม 2562 )ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เรืออากาศตรีธานี ช่วงชู ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่โคกกลอย จ.พังงา เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า“การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา ในวันนี้เป็นการมาตรวจราชการตามเขตตรวจฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด ที่ประกอบด้วย จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ที่ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ทำหน้าที่เป็นประธานรับผิดชอบ ซึ่งได้เดินทางมากับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม , ผู้ตรวจราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประเด็นสำคัญจากการลงพื้นที่ คือเรื่องของการติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่โคกกลอย จ.พังงา เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งปัจจุบันสนามบินภูเก็ตมีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้ 12.5 ล้านคนต่อปี แต่สถานการณ์ในขณะนี้มีนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารรวมกันแล้ว 18 ล้านคน เกินขีดความสามารถที่จะรองรับไปแล้วประมาณ 5.5 ล้านคน จึงเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่จะต้องมีสนามบินอีกแห่งเพื่อรอรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่ล้นสนามบินภูเก็ต” นายจุรินทร์ กล่าวและว่าผลจากการหารือร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างสนามบินอีกแห่งที่ จ.พังงา ซึ่งเท่าที่ได้มีการศึกษาเบื้องต้นที่จะสร้างก็ได้มีการเตรียมการที่จะสร้างสนามบินที่ จ.พังงา
ที่จะมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว รวมกันประมาณ 25 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ที่ประชุมได้ขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่จะหาข้อสรุปว่า จะดำเนินการเพื่อให้สนามบินที่ จ.พังงา มีความคืบหน้าต่อไปภายใต้การดำเนินการของหน่วยงานในส่วนกระทรวงคมนาคม จะเป็นกรมการท่าหรือการท่าอากาศยาน หรือ AOT และประการสุดท้ายขอให้ทาง จ.พังงา ได้ติดตามเรื่องนี้โดยใกล้ชิดต่อไป แล้วก็รายงานให้ผู้ตรวจประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบได้รับทราบความคืบหน้า และตนจะมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายเห็นตรงกันถึงความจำเป็นที่จะรองรับผู้โดยสารที่เกิดขีดความสามารถรองรับของสนามบินภูเก็ตในขณะนี้
ข่าว/ปชส.ภูเก็ต/ภาพ/ภูเก็ตไทม์
