ฉะเชิงเทรา – บุกค้นคลังแสง กลางตัว อ.บ้านโพธิ์ อึ้งอยู่ห่างจากโรงพักแค่เอื้อม ก่อนพบของกลางเป็นดินระเบิดทำลายล้างสูง TNT พร้อมอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อก็อกอีกนับ 10 กระบอก และชิ้นส่วนอะไหล่อาวุธปืนสงครามอีกเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นยังห้ามนักข่าวถ่ายภาพ เผยรอขนของกลางนำเข้า กทม.ให้ “ศรีวราห์” แถลงเอง
วันที่ 24 พ.ค.61 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 11 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโพธิ์ ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นครึ่งซึ่งเปิดเป็นร้านขายขนมเปี๊ยะ และไอศกรีม กาแฟสด ตั้งอยู่ห่าง สภ.บ้านโพธิ์ แค่เพียงประมาณ 100 เมตร เลขที่ 127/5 และอาคารพาณิชย์ขนาด 2 ชั้นครึ่งอีกจำนวน 4 คูหาเลขที่ 127/39 และไม่มีเลขที่อีก 2 คูหา รวม 5 คูหา ก่อนพบชิ้นส่วนอะไหล่และอาวุธปืนสงครามเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งพบอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อก็อกอีกนับ 10 กระบอก ดินระเบิด TNT อีกจำนวนหนึ่ง
ก่อนที่จะทำการควบคุมตัวผู้เป็นมารดาของเจ้าของอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวมาทำการสอบปากคำ และตรวจยึดนำไปรวบรวมไว้ยังที่บริเวณห้องประชุมชั้น 3 สภ.บ้านโพธิ์ และกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวทำการถ่ายบันทึกภาพอย่างเด็ดขาด โดยทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.จะเป็นผู้ทำการแถลงข่าวด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้ พร้อมได้ทำการระดมนำลังกระดาษมาทำการแพ็คเพื่อขนย้ายของกลางทั้งหมดนำส่งเข้าไปยังในกรุงเทพฯ ในช่วงของค่ำคืนวันนี้
ขณะเดียวกัน ทาง พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมาทำการควบคุมของกลาง และอำนวยการสั่งการยังที่ สภ.บ้านโพธิ์ ด้วยตนเอง โดยปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ ต่อผู้สื่อข่าว โดยบอกให้รอการแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้เท่านั้น
ทั้งนี้การบุกเข้าตรวจค้นคลังแสงซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ทั้ง 5 คูหาในวันนี้ สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัวผู้ค้าอาวุธสงครามผ่านทางโซเชียลรายหนึ่งได้ใน กทม. โดยมีการส่งขายสินค้าผ่านทางบริษัทไปรษณีย์เอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะทราบว่าสถานที่เข้าบุกตรวจค้นในวันนี้เป็นคลังแสงเก็บอาวุธ และชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนมากดังกล่าว
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า เจ้าของคลังแสงแห่งนี้พื้นเพเดิมเป็นคนทางภาคอีสาน แต่มาได้ภรรยาเป็นคนพื้นที่ใน อ.บ้านโพธิ์ เมื่อประมาณปี 2552 ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และยังเป็นนักประดิษฐ์มีความรู้ในด้านการดัดแปลงสิ่งต่างๆ ต่อมาได้ขายบ้านที่อยู่ภายในซอยด้านข้างธนาคารกรุงเทพฯ สาขาบ้านโพธิ์ ก่อนที่จะออกมาชื้อตึกอาคารพาณิชย์ที่บริเวณริมถนนใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านหลังเดิมมากนัก
จากนั้นเจ้าของตึกคลังแสงรายนี้ ก็เริ่มมีฐานะร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นมาอย่างน่าผิดสังเกตจนสามารถที่จะซื้อตึกอาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นมาได้อีกจำนวนมากถึง 4 คูหา มูลค่านับ 10 ล้านบาท โดยที่เขาไม่ค่อยได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านคนในพื้นที่เลย อีกทั้งอาคารพาณิชย์ที่เขาซื้อไว้นั้นยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้โดยรอบทุกทิศทางในทุกคูหา และยังมีประประตูเหล็กม้วนปิดแน่นหนาทึบไม่ให้ใครได้สังเกตเห็นถึงสิ่งของภายในอาคารด้วยว่ามีอะไรอยู่ภายใน
