ฉะเชิงเทรา – พ่วงบรรทุกดิน วิ่งฝ่าเข้าหมู่บ้าน ทั้งที่เป็นเส้นทางซอยแคบสำหรับคนเดินถนนในชุมชน ใช้ร่วมกัน วอน จนท.รัฐเข้าดูแล หวั่นบุตรหลานเด็กเล็กออกไปโรงเรียนถูกเหยียบตาย หลังเคยร้องเรียนผ่านหน่วยงานรัฐระดับอำเภอเข้าไกล่เกลี่ย แต่ผู้ประกอบการกลับเมินข้อตกลง ทั้งยังใช้ความเร็วสูงในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
วันที่ 12 ธ.ค.62 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่บ้านหนองสองห้อง ซอย 7 (ยายบุญมี) ม.13 ต.บ้านซ่อง และบ้านห้วยสาม หมู่ 15 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้ถนนในหมู่บ้านซึ่งเป็นเส้นทางแยกออกจากถนนสาย 304 พนมสารคาม-เขาหินซ้อน เชื่อมต่อทั้งสองหมู่บ้านในสองตำบลไปบรรจบกับถนนสาย 319 พนมสารคาม-ปราจีนบุรี
ข่าวน่าสนใจ:
- พบช้างป่าอยู่ใกล้ที่ทำร้ายคนเสียชีวิตเร่งผลักดันหวั่นเกิดเหตุซ้ำ จ.ปราจีนบุรี
- เครื่องกั้นรถไฟคลองแขวงกลั่นพังบ่อย ล่าสุดลงปิดขวางถนนนานข้ามคืน
- นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร…
- พบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสาว ผมยาวดั่งราพันเซล เผยไว้ผมยาวมานับแต่สมัยเรียน
ได้มีผู้ประกอบการรถบรรทุกสิบล้อและรถพ่วงบรรทุกดินลูกรังเข้ามาใช้เส้นทางผ่าน ฝ่าเข้ามายังกลางชุมชนเป็นจำนวนมาก วันละนับ 100 คัน จนทำให้ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน จำนวนกว่า 150 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากฝุ่นละออง และยังใช้ความเร็วสูง ทั้งที่เป็นเส้นทางคับแคบ จนหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย
โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ในขณะที่คนในหมู่บ้านกำลังจะออกไปทำงานและเดินทางกลับเข้าบ้านพัก ทำให้การสัญจรเดินทางเข้าออกจากหมู่บ้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากรถยนต์ส่วนบุคคลไม่สามารถสวนทางกันกับรถพ่วงบรรทุกดินได้โดยสะดวก อีกทั้งยังหวั่นเกรงว่าบุตรหลานที่เดินทางไปโรงเรียนจะได้รับอันตราย เนื่องจากรถบรรทุกดินที่เข้ามาใช้เส้นทางนั้นต่างพากันใช้ความเร็วสูง เพื่อเร่งรีบทำเที่ยววิ่งขนส่งดิน
จึงอยากวิงวอนขอให้หน่วยงานราชการระดับสูง ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัด ช่วยเข้ามาดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วย เนื่องจากตลอดระยะเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา หลังจากผู้ประกอบการรายนี้เข้ามาใช้เส้นทางผ่าน ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นต่อชาวบ้านผู้ใช้เส้นทางหลายครั้ง ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยเข้าไปร้องเรียนถึงยังหน่วยงานระดับอำเภอมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ระดับอำเภอทำได้แค่เพียงเจรจาไกล่เกลี่ย ให้รถบรรทุกดินวิ่งผ่านหมู่บ้านเป็นช่วงเวลา
แต่ต่อมาทางผู้ประกอบการกลับเมินข้อตกลง โดยการเข้ามาใช้เส้นทางวิ่งบรรทุกดินทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดไปจนถึงช่วงค่ำ จึงทำให้การสัญจรเข้าออกหมู่บ้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะเด็กเล็ก และบุตรหลานที่ต้องออกเดินทางไปโรงเรียนเพียงลำพัง จึงอยากให้ผู้ประกอบการไปใช้เส้นทางสายอื่น โดยปัจจุบันหลังจากรถบรรทุกเหล่านี้เข้ามาใช้เส้นทางในหมู่บ้านได้ทำให้พื้นถนนชำรุด พังเสียหายเนื่องจากการบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: