ฉะเชิงเทรา – แก๊งค์ตุ๋น ตกโฉนดยังวนเวียนก่อเหตุซ้ำรอยในพื้นที่แปดริ้วอย่างต่อเนื่องท้าทายผู้รักษากฎหมายและอำนาจรัฐ ในขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ล่าสุด ป้าวัย 70 ปี ซึ่งเป็นชาวนา ต้องน้ำตาตกหลังสูญเสียเงินทองมูลค่านับแสนบาทไปให้แก่แก๊งค์คนร้ายอีกรายแล้ว
วันที่ 12 มิ.ย.61 เวลา 14.40 น. พ.ต.ท.นนทสิทธิ์ พงษ์ศิริกรกุล สารวัตรเวรอำนวยการ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุคนธ์ จูมศิลป์ ร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม สภ.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบยังที่บ้านเลขที่ 16/1 ม.8 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หลังได้รับแจ้งเหตุจากทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ตำรวจภูธรฉะเชิงเทราว่า เกิดเหตุมีแก๊งค์คนร้ายเข้ามาตกทองจากหญิงชราไปจำนวน 5 บาท พร้อมด้วยเงินสดอีกจำนวน 1 หมื่นบาทไป
ที่เกิดเหตุพบ นางบุญส่ง จันทะโมโส อายุ 70 ปี กำลังนั่งร้องไห้อย่างฟูมฟายด้วยความเสียดายสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 5 บาท พร้อมเงินสดอีกจำนวน 1 หมื่นบาท ที่เพิ่งสูญเสียให้แก่แก๊งค์คนร้ายไป ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ได้ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันนี้ในขณะที่ตนกำลังเดินกลับบ้าน มาจากการไปทำบุญในวันพระที่วัด ได้มีกลุ่มหญิงสาววัยประมาณ 40 ปี จำนวน 3 คน
โดยคนแรกสวมกระโปรงหนึ่งคน สวมกางเกงหนึ่งคน และอีกคนมีลักษณะคล้ายทอมเป็นคนขับได้ทำทีเข้ามาสอบถามกับตนว่า ป้าแถวนี้มีใครจะขายที่ดินจัดสรรไหมไหมซึ่งตนก็ได้ตอบไปว่ามีอยู่แถวบ้าน “ตี๋หยิก”ไม่ไกลหรอก ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะได้ลงจากรถมาดึงตัวพาขึ้นรถเก๋งคันสีขาวไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนไป โดยบอกว่าให้พาไปดูที่ดินหน่อย ก่อนที่จะพาขับวนรถไปตามหมู่บ้าน พร้อมยังถามตนว่าป้ารู้จักวัดคลอง 19 ไหม เห็นว่ามีคนแถวนั้นเขาจะขายที่ดิน ก่อนที่คนร้ายจะพาขับรถออกมายังเส้นทางสายบางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์
และได้มาจอดรถทำทีสอบถามกับชายสูงวัยรายหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งว่ารู้จักบ้านป้าอ้อยไหม เห็นเขาว่ากำลังจะขายที่ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะทำทีชี้ไปยังที่ศาลาริมทางว่า โน่นเห็นเขารอหลานอยู่ที่สาลา จากนั้นแก๊งคนร้ายจึงได้พาขับรถไปทำทีถามหญิงที่นั่งรออยู่ที่ศาลาว่าใช่ป้าอ้อยที่กำลังจะขายที่ดินใช่ไหม โดยหญิงรายดังกล่าววัยประมาณ 55-60 ปี ซึ่งแต่งกายดูดีได้ตอบว่าใช่ และยังบอกว่าที่อยู่ไม่ไกลหรอก
จากนั้นคนร้ายได้รับนางอ้อย พากันขับรถไปชี้ที่ดินที่รถวนเวียนเข้าไปในหมู่บ้านและท้องทุ่งบริเวณนั้นและชี้อ้างว่าเป็นที่ดินของตนเองที่ต้องการจะขาย โดยจะขายในราคาไร่ละ 3 แสน จำนวน 20 ไร่ และทำทีต่อรองว่าจะไม่ยอมออกค่าทำเนียมภาษีในการหักโอนอะไรเลยโดยจะให้ทางฝ่ายคนซื้อเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หลังจากตกลงกันได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางฝ่ายนางอ้อย ได้อ้างว่าจะไปรอหลานยังที่ศาลาที่เดิม
จากนั้นคนร้ายทั้ง 3 คนจึงได้ขับรถเข้ามาส่งตนยังที่บ้านและได้ทำทีพุดคุยชักชวนให้เข้ามาร่วมหุ้นเป็นคนกลางในการขายที่ดินโดยไม่ให้นายทุนกับเจ้าของที่ดินมาชนกัน โดยจะให้นัดกันมาวางเงินยังที่บ้านของตน โดยในวันนี้จะต้องหาเงินไปวางมัดจำให้แก่นางอ้อยก่อน จำนวน 6 แสนบาท ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะได้ทำทีติดต่อไปยังนายทุน ที่ชื่อคุณชายว่าจะให้นำเงินมาวางมัดจำที่ดินแปลงนี้ จากนั้นคนร้ายจึงได้ให้คนขับรถออกไปรับตัวคุณชายกลับเข้ามา โดยนายทุนที่มานั้นไก้ทำทีบอกว่าวันนี้มีเงินติดตัวมาไม่มากโดยมีแค่เพียง 5 แสนบาทเท่านั้น
จากนั้นจึงได้นำเงินสดจำนวน 5 แสนบาทมากอง โดยบอกว่ายังขาดเงินอยู่อีกจำนวน 1 แสนบาทเนื่องจากจะต้องทำการวางมัดจำให้แก่นางอ้อย เป็นเงินจำนวน 6 แสนบาท ก่อนที่จะพูดเกลี้ยกล่อมขอให้ตนเข้าร่วมหุ้นในการวางมัดจำหากขายที่ดินได้จะแบ่งส่วนแบ่งให้ จึงทำให้ตนตัดสินใจนำเงินสดที่มีติดตัวอยู่จำนวน 10,000 บาท และทองคำรวม 5 บาท มาร่วมวางมัดจำด้วย
ต่อจากนั้นแก๊งค์คนร้ายได้ทำทีขอตัวพากันออกไปเบิกเงินเพื่อที่จะนำมาจ่ายเป็นค่าที่ดิน โดยบอกว่าไปไม่นานหรอกเพียงประมาณ 2 ชม.เท่านั้นก็จะกลับเข้ามา ซึ่งตนก็ได้เฝ้ารอจนบ่ายคล้อยแล้ว แก๊งค์คนร้ายทั้งหมดก็ยังไม่กลับเข้ามา และเมื่อให้ญาติพาขับรถวนออกตระเวนหาก็ไม่พบวี่แววของกลุ่มคนร้ายแก๊งค์นี้เลย จึงมั่นใจว่าถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นหลอกลวงเข้าแล้วจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งเหตุให้แก่ทางตำรวจทราบดังกล่าว
ต่อมาในเวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้นางบุญส่ง เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.นิกร ครองสระน้อย รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางขนาก เพื่อให้ทำการสอบปากคำและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เกิดเหตุการณ์แก๊งค์คนร้ายตกโฉนดเข้ามาวนเวียนก่อเหตุต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้านอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายหนแล้ว ซึ่งล่าสุดเพิ่งเข้ามาก่อเหตุในท้องที่ สภ.บ้านโพธิ์ และ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 16-17 พ.ค.61 ที่ผ่านมาแต่เหยื่อรู้ตัวก่อนคนร้ายจึงยังไม่ได้ทรัพย์สินไป ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไม่สามารถที่จะติดตามกับกุมตัวคนร้ายแก๊งค์นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
