ฉะเชิงเทรา – ประปาแปดริ้ววิกฤติ จ่อจ้างเอกชนสูบน้ำเสริมการผลิตส่งจ่ายจากลำคลองแบ่งตะเข็บจังหวัด ขณะชาวบ้านอีกฝั่งรุมต้านหวั่นถูกแย่งชิงทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร พร้อมส่งตัวแทนเข้าเจรจาเกลี้ยกล่อมแต่สุดท้ายมีผู้เข้าร่วมลงชื่อคัดค้านนับร้อย ก่อนล่าถอยกลับไปในที่สุดช่วงบ่ายวันนี้
วันที่ 6 ม.ค.62 เวลา 14.00 น. ที่ อบต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากทั้งสองฝั่งคลองรวม 2 จังหวัด ที่อาศัยอยู่ในบริเวณแนวเขตรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ จำนวนกว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกัน เพื่อลงชื่อขอคัดค้านโครงการก่อตั้งสถานีสูบน้ำและผลิตประปาของบริษัทภาคเอกชนรายหนึ่ง เพื่อส่งจ่ายน้ำดิบขายให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางคล้า
ข่าวน่าสนใจ:
ซึ่งกำกับดูแลการประปาสาขาเทศบาลตำบลพิมพา อ.บางปะกง และการประปาสาขาเทศบาลตำบลเทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ที่สภาพปัจจุบันขาดแคลนน้ำอย่างหนักจนต้องมีการเชื่อมประสานท่อเพื่อขอรับน้ำจากทางการประปานครหลวง จากในเขต จ.สมุทรปราการ มาช่วยจ่ายเสริมเพิ่มเติม จนทำให้แรงดันน้ำประปานครหลวงในบริเวณดังกล่าวทั้งสองพื้นที่ มีแรงดันต่ำหรือน้ำประปาไม่ไหลอยู่เป็นระยะ
โดยนายนพดล ฝักแคเล็ก อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ทางบริษัทผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายนี้ ได้เข้ามาเช่าที่ดินจากชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งมีแปลงพื้นที่ติดกันกับแปลงที่ดินของตน จำนวน 15 ไร่ เพื่อจะเข้ามาตั้งสถานีสูบน้ำจากในลำคลองนิยมยาตรา ซึ่งเป็นคลองกั้นพื้นที่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ
โดยจะมีการดำเนินการแปรสภาพปรับพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็นสถานีผลิตน้ำประปา เพื่อส่งจ่ายกลับเข้าไปยังในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ใน 2 ตำบล จึงทำให้ตนเองพร้อมชาวบ้านหวั่นเกรงว่า แปลงที่ดินซึ่งอยู่ข้างเคียงติดกันนั้นจะได้รับผลกระทบ หรือผืนดินทรุดตัวพังทลาย หากมีการขุดเจาะทำบ่อเก็บพักน้ำประปา เนื่องจากพื้นที่แปลงดังกล่าวเป็นที่ดินรูปทรงหน้าแคบเพียงประมาณ 25 เมตร และยาวถึงประมาณ 1 กม.
อีกทั้งยังอาจจะถูกบริษัทเอกชนเข้ามาแย่งน้ำในการทำการเกษตร จากในลำคลอง ซึ่งชาวบ้านแถบนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลา และทำนาอยู่บางส่วน ขณะที่ทางด้านฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรานั้น ส่วนใหญ่ชาวบ้านได้ขายที่ดินไปให้บริษัทเอกชนก่อตั้งทำเป็นโรงงานอุตสาหกรรมจนเกือบหมดแล้ว จึงอาจไม่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนมากนัก ชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติโครงการดังกล่าวที่จะกระทบต่อชาวบ้านที่ยังคงทำอาชีพทางด้านเกษตรกรรมอยู่ในพื้นที่ นายนพดล กล่าว
ขณะเดียวกันในวันนี้ทางบริษัทเอกชนได้มีการส่งตัวแทนเข้ามาทำการชี้แจงทำความเข้าใจโครงการต่อชาวบ้านด้วย ว่า โครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมากนัก เพราะจะทำการสูบน้ำแต่เฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากหรือตามระเบียบและเงื่อนไขข้อตกลงของกรมชลประทานเท่านั้น และจะใช้พื้นที่ทางด้านฝั่งของ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 50 ไร่ สร้างเป็นบ่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งจำนวน 1 แปลง และพื้นที่จำนวน 150 ไร่อีกหนึ่งแปลง สามารถกักเก็บน้ำได้ 6 ล้าน ลบม.ต่อปี
อีกทั้งโครงการดังกล่าว ยังอาจจะส่งผลดีต่อชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.คลองนิยมยาตรา อีกด้วย หลังจากทาง กปภ.สามารถผลิตน้ำประปาได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่แล้ว ก็จะไม่มาแย่งดึงน้ำจากการประปานครหลวง จากทางฝั่ง จ.สมุทรปราการ ไปส่งจ่ายให้แก่ในพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้น้ำประปาจากการประปานครหลวงในบริเวณนี้ไหลแรงขึ้นด้วย
โดยที่จะไม่มีการขุดเจาะทำบ่อพักน้ำบนพื้นที่แปลง 15 ไร่ ในบริเวณพื้นที่ ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา ตามที่ได้มีการทำสัญญาเช่าไว้ 5 ปี แต่จะทำการถมที่เพื่อใช้เป็นสถานีในการผลิตส่งจ่ายน้ำประปามากกว่า จึงจะไม่มีการพังทลายของผืนดินต่อแปลงที่ดินข้างเคียงที่อยู่ติดกัน ตามที่ชาวบ้านเป็นกังวล หลังการเจรจาชี้แจงต่อชาวบ้านของบริษัทผู้ผลิตน้ำเอกชนรายนี้เป็นเวลานานกว่า 1 ชม.
จากนั้นในที่ประชุม ซึ่งมี ว่าที่ร้อยตรีณัชพล สังวร ปลัด อบต.คลองนิยมยาตรา และ ร.ต.ทองปอนด ถาวรสถิตย์ ปลัดอำเภอ รักษาการณ์นายอำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมาในฐานะหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ได้ขอให้มีการโหวตออกเสียงจากชาวบ้าน ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นในวันนี้ โดยมีผู้ยกมือโหวตคัดค้านมากถึงประมาณ 80 คน งดออกเสียงประมาณ 20 คน
และยกมือสนับสนุนโครงการจำนวน 4 คน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ยกมือสนับสนุนนั้น เป็นชาวบ้านที่อยู่ทางด้านฝั่ง ต.พิมพา อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่ตัวแทนจากทางบริษัทผู้ผลิตน้ำประปา จะรับมติข้อเสนอดังกล่าวกลับไปรายงานให้แก่ทาง กปภ.ทราบ และพิจารณาในการดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น
ทางบริษัทเอกชนรายนี้ ได้เคยเข้ามาทำเวทีประชาพิจารมาแล้ว 1 ครั้ง โดยที่มีผู้ยกมือให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อยู่ทางด้านฝั่งตรงข้ามคลอง ในเขตพื้นที่ ต.พิมพา อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้สำหรับเวทีในวันนี้ ได้มีชาวบ้านและผู้นำชุมชน ต่างพากันแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย
ซึ่งส่วนใหญ่มีความเป็นห่วง วิตกกังวลว่าจะถูกแย่งชิงสูบน้ำไปจากคลองจนแห้งขอด ทำให้ไม่สามารถที่จะทำการเกษตรได้อีกต่อไป และยังหวั่นเกรงว่า หากน้ำในลำคลองถูกสูบหายไปมากขึ้น จะยิ่งทำให้น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ทางด้านฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ไหลย้อนกลับมายังในลำคลองได้มากขึ้น จนทำให้น้ำเน่าเสียใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกต่อไป
โดยที่คนทางฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากได้ขายที่ดินที่เคยทำอาชีพด้านการเกษตรเปลี่ยนไปเป็นโรงงานอุตสาหกรรมจนเกือบหมดแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: