X
อุ้มเพื่อนร่วมชาติ

นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ถูกเพื่อนร่วมชาติตั้งแก๊งอุ้มหาย ก่อนโผล่แจ้งความ ตร.

ฉะเชิงเทรา – นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ถูกเพื่อนร่วมชาติ ออกอุบายตั้งแก๊งอุ้มหายจากสุวรรณภูมิ ใช้เส้นทางสับเปลี่ยนรถยนต์ผ่านเมืองแปดริ้วภายในปั้มน้ำมัน ก่อนพาไปกักขังหน่วงเหนี่ยวในป่าซ้อมรีดเรียกหนี้สินคืนนับล้าน จากการร่วมลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ และการค้าสกุลเงินบิทคอยน์ หลังเจ้าตัวโผล่แจ้งความที่ สภ.องครักษ์ อ้างแอบหลบหนีออกมาได้ สุดท้ายยังให้การสับสน ขณะ ผบช. ภ.2 ลงพื้นที่คลี่คลายคดีเอง

วันที่ 11 ม.ค.63 เวลา 14.30 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช. ภ.2 ได้เดินทางมายังที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในการคลี่คลายคดี กรณีมีนักธุรกิจหนุ่มชาวสิงค์โปร วัย 33 ปี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.องครักษ์ จ.นครนายก ว่าถูกนายคิม เพื่อนร่วมชาติวัยเดียวกัน ที่เดินทางมาพร้อมกัน ร่วมมือกับกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นคนไทยประมาณ 4 คน

สภ.เมืองฉะเชิงเทรา

อุ้มลักพาตัวออกมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ม.ค.63 ก่อนที่จะนำตัวมาสับเปลี่ยนรถยนต์ ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะในการลักพาตัวยังภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสุวินทวงศ์ ในเขตพื้นที่ ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นได้นำพาตัวไปทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวและซ้อมทำร้ายร่างกายในป่า

เพื่อทวงเงินคืนจากการร่วมกันลงทุนทำธุรกิจสตาร์ทอัพ (ธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ที่ต้องการเติบโตแบบก้าวกระโดด บนระบบซอฟแวร์ หรือแอพพลิเคชั่นในโลกดิจิตอล ) และการค้าเงินสกุลบิทคอยน์ จำนวนวงเงินประมาณกว่า 4 ล้านบาท แต่นักธุรกิจชาวสิงค์โปรรายนี้ ไม่มีเงินสดให้แก่แก๊งค์อุ้มรีดทวงเงินลงทุนคืน เนื่องจากผู้เสียหายได้ทำการลบแอพพลิเคชั่น เกี่ยวกับทางด้านการเงินออกจากโทรศัพท์บางส่วนไปก่อนหน้าแล้ว จึงไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้

นักธุรกิจชาวสิงคโปร ผู้เสียหาย

จึงโอนเงินคืนไปให้แก่ น.ส.แอนนา ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายคิม ได้เพียงบางส่วน พร้อมทั้งยังอ้างว่าได้ทำการหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 10 ม.ค.63 ก่อนที่ชาวบ้านจะพาขึ้นรถยนต์ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปยังเส้นทางสายบางน้ำเปรี้ยว – องครักษ์ และเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ยังที่สถานีตำรวจ สภ.องครักษ์ ดังกล่าว

หลังการประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้เกี่ยวข้องอยู่นานเกือบ 2 ชม. พล.ต.ท.มนตรี ได้ออกมากล่าวเปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ 1 คน และอาจจะร่วมมือกับคนไทยในการก่อเหตุ ซึ่งเราจะเร่งดำเนินการ โดยได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบช.ภ. 2 เข้ามาเป็นหัวหน้าทีมในการคลี่คลายคดีนี้แล้ว

พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม

โดยมูลค่าของเงินนั้นทราบว่ามียอดเงินนับล้านบาท แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด เนื่องจากมีการโอนเงินไปโอนเงินมา ทั้งทางธนาคารและโอนเงินในช่องทางต่างๆ ซึ่งต้องขอตรวจสอบดูความเคลื่อนไหวในเรื่องของทางการเงินอีกระยะหนึ่งก่อน เบื้องต้นมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติที่มีการฉ้อโกงกันเอง 1 คน ที่สามารถทำการควบคุมตัวมาได้แล้ว และจะติดตามต่อไปอีกว่ามีใครอีกบ้าง

โดยเบื้องต้นจากคำให้การนั้น ต่างฝ่ายต่างระบุว่ามีการหักกันไปหักกันมา แต่เรายังไม่เชื่อเพราะยังเป็นคำให้การของทั้งทางฝ่ายผู้เสียหายและผู้ต้องหาอยู่ ซึ่งก็จะทำการสืบสวนให้ละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องของชาวต่างชาตินั้นยิ่งต้องทำให้ละเอียด และเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนในการทำงาน ต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานสักระยะหนึ่งก่อน

ขอเงินคืน

โดยเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เพียงเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง แต่ทางตำรวจฉะเชิงเทรา นำโดย พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา นั้น สามารถทำการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้แล้ว ก็ถือว่าดีมากแล้ว ส่วนรายละเอียดนั้นต้องรอให้มีการรายงานให้ทราบว่ามีใครอีกบ้าง ต้องขอให้มีความชัดเจนก่อน ใครกระทำความผิดเราก็จะไม่ละเว้น จะต้องถูกนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด พล.ต.ท.มนตรี กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดผู้ต้องหาจึงเลือกที่จะเข้ามาก่อเหตุในเมืองไทย และที่ จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ท.มนตรี ตอบว่า เนื่องจาก ผู้ต้องหานั้นเดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้งมาก จนมีความรู้จักคุ้นเคยกันกับคนไทยจนมีเพื่อนฝูงหลายคน และคำให้การบางเรื่องอาจจะยังไม่พูดความจริงบ้าง โดยการสอบสวนยังต้องใช้เวลาค่อยๆ ดู เพราะภาษาต่างๆ นั้น ก็ยังต้องมีการแปลภาษาด้วย จึงเป็นเรื่องยากลำบาก

นายคิม ผู้ก่อเหตุ

แต่เราก็ได้เชิญให้ทาง ตม.เข้ามาช่วยทำงานด้วย ต้องขอเวลาในการทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนการหลบหนีออกมาได้อย่างไรนั้น ยังคงต้องดูก่อน และบาดแผลจากการถูกทำร้ายตามร่างกายนั้นยังต้องให้ทางแพทย์ช่วยดูและทำการวินิจฉัยด้วย เพราะอาจเป็นเพียงรอยหญ้าคาบาดบ้างก็ได้ หากตอบไปตอนนี้อาจจะผิด แต่ต้องขอชื่นชมที่ตำรวจฉะเชิงเทราสามารถติดตามจับกุมตัวนายคิม มาได้อย่างรวดเร็ว พล.ต.ท.มนตรี กล่าว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับผู้เสียหายรายนี้นอกจากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับสตาร์ทอัพ และค้าเงินสกุลบิทคอยน์แล้ว ยังเป็นอาจารย์รับจ้างสอนพิเศษ เป็นกรรมการตรวจตัดสินการประกวดทางด้านการออกแบบการทำธุรกิจ และบรรยายสอนพิเศษให้แก่นักศึกษาในประเทศบรูไนด้วย ก่อนที่จะถูกเพื่อนที่ร่วมกันทำธุรกิจลวงให้นั่งเครื่องบินเดินทางเข้ามายังในประเทศไทยพร้อมกัน

ผบช.ภ.2 ลงคุมคดีเอง

และได้นำพาคนไทยอุ้มขึ้นรถยนต์แท็กซี่ออกมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นได้เข้ามาแวะเปลี่ยนรถยังที่ปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสุวินทวงศ์ (304) ก่อนถึงตัวเมืองฉะเชิงเทรา โดยทราบว่ามีดาราหนุ่มลูกครึ่งช่องน้อยสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มรีดหนี้สินในครั้งนี้ด้วย โดยพบว่ารถยนต์คันที่ใช้ขับเข้ามาก่อเหตุ รับช่วงพาผู้เสียหายไปจากปั้มน้ำมันนั้น ยังเป็นรถของดาราหนุ่มรายนี้ด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน