ฉะเชิงเทรา – เตรียมตั้งข้อหา หัวหน้าแก๊งค์อุ้มนักธุรกิจเพื่อนร่วมชาติชาวสิงคโปร์ ขณะ ผบช. ภ.2 ลงพื้นที่ตามคดี สร้างความหวังคาดรวบได้หมดยกก๊วนในเร็วๆ นี้ เผยมีวงเงินหมุนเวียนเกี่ยวข้องคดีกว่า 4-5 ล้านบาท พร้อมพบพยานหลักฐานเกี่ยวกับการก่อคดีเพิ่มเติมจากบ้านพักผู้ต้องสงสัย ระบุมีการเตรียมการไว้ก่อนลงมือก่อเหตุ
วันที่ 12 ม.ค.63 เวลา 18.00 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช. ภ.2 ได้เดินทางมาติดตามคดีกรณีนักธุรกิจหนุ่มชาวสิงคโปร์ วัย 33 ปี ถูกเพื่อนร่วมชาติ ตั้งแก๊งค์ร่วมคนไทยก่อเหตุคดีอุ้มหายจากสนามบินสุวรรณภูมิ หวังรีดทวงหนี้สินรวมกว่า 4 ล้านบาทคืน พร้อมก่อเหตุทำร้ายร่างกายโดยนำตัวเข้าไปรุมซ้อมในป่า ก่อนที่ผู้เสียหายจะหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
หลัง ผบช. ภ.2 เข้าร่วมประชุมรับฟังรายงานความคืบหน้าทางคดี ภายในห้องประชุมชั้น 2 ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง เป็นเวลานานกว่า 1 ชม. ก่อนที่จะออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าทางคดีไปมากแล้ว หลังจากได้เข้าไปตรวจค้นยังบ้านพักของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง และได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมมามากขึ้น
โดยพบอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้มีการเตรียมการไว้เพื่อที่จะทำการก่อเหตุอุ้มตัวผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่ ส่วนความชัดเจนในเรื่องของความขัดแย้งนั้น เป็นในเรื่องของทางธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของเงินเหรียญทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือบิทคอยน์ ซึ่งมีการโอนไปโอนมา และมีการหักกัน ซึ่งทาง พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กำลังตรวจสอบทางด้านการเงินอิเล็กทรอนิกส์ในระบบต่างๆ เกี่ยวกับการเงินข้ามชาติไปทางสิงคโปร์ ในหลายๆ ทางด้วย ซึ่งคิดว่าจะได้ผลใน 1-2 วันนี้
สำหรับคนร้ายที่ร่วมขบวนการก่อเหตุนั้น เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 คน โดยทาง พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบช. ภ.2 และทาง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้พยายามที่จะคัดแยกออกไปสำหรับคนที่ผ่านเข้ามาโดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ โดยขณะนี้มีตัวละครอยู่หลายคน เราต้องให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย ส่วนดาราหนุ่มลูกครึ่งนั้นก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาอาจจะผ่านเข้ามาในเหตุการณ์นี้ แต่อาจไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนี้
ต้องรอให้พยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานวัตถุและพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มาอย่างครบถ้วนก่อน จึงจะชี้แจงให้ทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ตอนนี้เรามั่นใจว่าจะได้ตัวละครมาทั้งหมด และต้องจับผู้ต้องหาได้ และจะได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายคืนมา เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย โดยตอนนี้ขอให้เกิดความถูกต้องชัดเจนก่อน
เพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นว่า เราทำงานกันแบบมืออาชีพ และสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงที่ถูกต้องมาลงโทษได้ โดยขณะนี้เราได้ตั้งทีมชุดไล่ล่าตัว กลุ่มคนร้ายจำนวน 2 ชุดใหญ่ โดยมีชุดของทางตำรวจภูธรภาค 2 นำโดย พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบช. ภ.2 และชุดของ พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภจว.ฉะเชิงเทรา ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ พล.ต.ท.มนตรี กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วงเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มีมูลค่าหมุนเวียนเท่าไหร่ เพราะจากกระแสข่าวทราบว่ามีประมาณ 4-5 ล้านบาท ทาง ผบช. ภ.2 ตอบว่า มีความเป็นไปได้เพราะมีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ต่างกัน ส่วนเงินที่ทางผู้เสียหายโอนไปเป็นเงินประมาณกว่า 1 ล้านบาท พล.ต.ท.มนตรี ระบุ
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำ นายคิม หัวหน้าแก๊งค์ชาวสิงคโปร์ไว้เกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วพร้อมเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกาย” รวม 3 ข้อหาไว้แล้ว หลังจากการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก พล.ต.ต.ธีรพล กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: