ฉะเชิงเทรา – เรียก ผจก.แบงค์ฉาว มารับทราบข้อกล่าวหา กรณีร่วมกันฉ้อโกงเงินเสี่ยค้าอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของรีสอร์ท ย่านบางคล้าเกือบ 7 ล้านบาท หลังเคยร้องผ่านสื่อและออกมาเตือนภัยสังคมเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะเจ้าตัวเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมด้วยทนายความส่วนตัวและให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วันที่ 28 ม.ค.63 เวลา 14.30 น. ร.ต.ท.(หญิง) แพรวพรรณ บุญค้ำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เรียกตัวนายนพรัตน์ อิทธิประทีป ผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ สภ.เมืองฉะเชิงเทรามารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากถูกนายศักดิ์ชาย วณิชย์ถนอม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/10 ม.4 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา นักธุรกิจค้าที่ดินและเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.บางคล้า
เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” พร้อมผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ประกอบด้วยนายสนับ มงคลรัตนะ น.ส.ฐิติยาภรณ์ แจ่มแจ้ง และนางกชกร มงคลรัตนะ ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน ก.ค.62 ที่ผ่านมา ให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา โดยที่นายนพรัตน์ อิทธิประทีป พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมกับให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้คดีดังกล่าว นายศักดิ์ชาย เปิดเผยว่า เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.61 ตนเองได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากนายนพรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งนี้ว่า มีลูกค้าสินเชื่อของทางธนาคารขาดสภาพคล่อง และต้องการใช้เงินเข้ามาหมุนเวียนระหว่างที่รอการอนุมัติสินเชื่อจากทางธนาคารจำนวน 29 ล้านบาท โดยจะขอกู้ยืมเงินจากตนเพื่อนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องภายในบริษัท
ด้วยความไว้ใจต่อทางผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อรายนี้ ที่รู้จักคุ้นเคยกันมานาน เนื่องจากตนเองเป็นลูกค้าของทางธนาคารแห่งนี้มา 30-40 ปี และได้เข้าไปทำธุรกรรมทางการเงินกับทางธนาคารบ่อยครั้ง จึงยินยอมให้บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทนายหน้าจัดหาคนงานให้แก่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังรายหนึ่ง ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศกู้ยืมเงินไปรวมทั้งสิ้นประมาณเกือบ 7 ล้านบาท
โดยที่ทางผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อรายดังกล่าว ได้เป็นผู้รับรองและยืนยันความน่าเชื่อถือให้ โดยบอกว่าหากสินเชื่อของลูกค้าสาวรายนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว ตนเองมีอำนาจที่จะหักเงินที่ได้รับการอนุมัติให้กู้ยืมจากทางธนาคาร เพื่อนำมาจ่ายคืนให้แก่ตนเองได้ในทันที อีกทั้งยังมีวงเงินจากทางห้างสรรพสินค้าของลูกค้ารายนี้รอจ่ายให้อีกกว่า 20 ล้านบาท และมีการทำสัญญากู้ยืมเงินกันภายในธนาคารแห่งดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
ต่อมา เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือนตามสัญญา ทางหญิงสาวเจ้าของบริษัทจัดหางานกลับไม่นำเงินมาคืนตามสัญญา เมื่อตนทวงถามไปยังทางฝ่ายของผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อธนาคารกลับปิดโทรศัพท์หนี และเมื่อตนเดินทางเข้าไปพบยังที่สำนักงานสาขาฉะเชิงเทรา กับถูกบ่ายเบี่ยง แต่ยังคงยืนยันว่าตนเองจะได้รับเงินคืนอย่างแน่นอน จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว ตนยังไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด
ตนจึงอยากเตือนภัยให้แก่คนในสังคมได้รับรู้ว่า ปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้เลย แม้แต่คนที่ทำงานในธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง และมีความน่าเชื่อถือในสังคม นายศักดิ์ชาย กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีดังกล่าว นายศักดิ์ชาย ได้เคยออกมาเปิดเผยและร้องเรียนผ่านทางสื่อมวลชน เพื่อมุ่งหวังที่จะช่วยกันเตือนภัยต่อสังคม ไม่ให้หลงเชื่อใครง่ายๆ แม้แต่ผู้จัดการธนาคาร เมื่อวันที่ 21 พ.ย.62 ที่ผ่านมา และทางพนักงานสอบสวน ได้ทยอยเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 4 คน มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วทั้งหมดก่อนหน้านี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: