ฉะเชิงเทรา – อากาศร้อน อบอ้าวอย่างวิปริตทำเพลิงปริศนาลุกไหม้หมู่บ้าน อ.ราชภัฎฯ แปดริ้ว 3 หลังทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน เบื้องต้นคาดเจ้าของบ้านอาจลืมเปิดเตาแก๊สทิ้งไว้หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ขณะเทศบาลเมืองแปดริ้วพ้อ คนใช้รถบนท้องถนนไม่หลบหลีกเปิดเส้นทางให้แก่รถน้ำดับเพลิงเดินทางผ่านได้โดยสะดวก
วันที่ 29 ก.ย.61 เวลา 12.30 น. ร.ต.อ.พิชิต วรรณารักษ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในหมู่บ้านพักข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ตั้งอยู่ด้านท้ายซอยขวัญเรือน ถนนศรีโสธรตัดใหม่ ซ.18 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลังจึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบบ้านเลขที่ 40/12 ซึ่งอยู่ภายในซอยอินทราสา ด้านท้ายสุดของหมู่บ้านถูกเปลวเพลิงเผาลุกไหม้จนวอดเสียหายไปหมดแล้วทั้งหลัง และบ้านเลขที่ 40/17 ซึ่งอยู่ด้านหลังกำลังถูกเพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน โดยเป็นบ้านที่ปลูกสร้างด้วยไม้สภาพเก่าแก่ทั้งหมู่บ้าน ขณะเดียวกันยังมีเพลิงกำลังลุกไหม้ที่บริเวณฝาผนังและหลังคาบ้านเลขที่ 40/11 ซึ่งอยู่ติดกันอีก 1หลัง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราได้ใช้รถน้ำทำการควบคุมเพลิงประมาณ 40 นาทีเพลิงจึงสงบลงเหลือแต่เพียงกลุ่มควันไฟ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าบ้านต้นเพลิง คือ บ้านของนายศราวุธ อิศรานุวัฒน์ อาจารย์ผู้สอนภายใน ม.ราชภัฎฯ เลขที่ 40/12 โดยขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นไม่ได้อยู่ภายในบ้าน แต่มีทรัพย์สินเสียหายถูกเพลิงไหม้แบบไม่มีอะไรเหลือหมดทั้งหลัง
โดยพี่สาวเจ้าของบ้านต้นเพลิง กล่าวทั้งน้ำตาว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรหลงเหลือติดมืออยู่เลยทุกอย่างในชีวิตตกอยู่ภายในกองเพลิงทั้งหมด โดยระบุว่าขณะเกิดเหตุตนเองนั้นได้ออกไปเตรียมซื้อของมาขายอยู่ที่ด้านนอกหมู่บ้านเนื่องจากตนมีอาชีพค้าขาย จึงไม่มีใครอยู่ภายในบ้านและไม่ทราบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างไร
ขณะที่ ร.ต.อ.พิชิต กล่าวว่า จากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีบ้านเรือนพักอาศัยของข้าราชการ ม.ราชภัฎฯ เสียหายไปทั้งหมดรวม 3 หลัง โดยถูกเพลิงไหม้ไปแบบหมดทั้งหลัง 1 หลัง เสียหายไปกว่าครึ่งหลัง 1 หลัง และเสียหายบางส่วน 1 หลัง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุนั้นจะได้ให้ทางเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลังฐานเข้าตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุอีกครั้ง ร.ต.อ.พิชิต กล่าว
ส่วนด้าน นายบุญทวี สุขรัตน์อมรกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางมายังในที่เกิดเหตุกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้รับรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงว่า ขณะรถน้ำเร่งรีบเดินทางมุ่งหน้ามาทำการควบคุมเพลิงตามเส้นทางนั้นประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในขณะนั้นไม่ยินยอมหลบหลีกเพื่อเปิดเส้นทางให้แก่ทางรถน้ำดับเพลิงของทางเทศบาลผ่านมาได้อย่างสะดวก
ทั้งที่รถน้ำดับเพลิงนั้นต่างมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารถของหน่วยกู้ชีพพยาบาลฉุกเฉินแต่อย่างใด โดยเวลาในการเดินทางที่ล่าช้าไปเพียงไม่กี่นาทีนั้น ก็อาจหมายถึงทรัพย์สินของประชาชนผู้ประสบเหตุนั้นยิ่งเสียหายหนักเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งหากประชาชนหลบหลีกเส้นทางให้แก่รถน้ำดับเพลิงได้เข้ามาถึงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นนั้น เพลิงก็อาจจะไม่ลุกลามรุนแรงไปถึงยังบ้านข้างเคียงได้
โดยรถน้ำดับเพลิงของทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรานั้นมีความพร้อมและแสตนบายอยู่ตลอดเวลา 24 ชม.และมีน้ำพร้อมดับเพลิงอยู่ภายในรถอยู่แล้ว จึงอยากวิงวอนขอประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และเปิดเส้นทางให้แก่รถดับเพลิงด้วยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพลิงไหม้ ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยนั้นจะดูระเบียบที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือต่อไป
ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้นั้น เชื่อว่าเจ้าของบ้านอาจหลงลืมเปิดเตาแก๊สทิ้งไว้หรืออาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากในขณะเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่ภายในบ้านทั้ง 3 หลัง นายบุญทวีกล่าว
