ฉะเชิงเทรา – สุดทน ร้องมาหลายที่ไม่มีความคืบหน้า สองสามีภรรยานั่งรถตู้โดยสาร วอนสื่อช่วยเหลืออีกแรง หลังเอกชนเช่าที่ดินแปลงใกล้บ้าน ผสมแกลบทรายป้อนส่งขายเป็นเชื้อเพลิงเข้าสู่โรงไฟฟ้าย่านบางปะกง จนมีฝุ่นฟุ้งปลิวลอยออกมารบกวนตกผลึกหนาท่วมบ้านมานานกว่าครึ่งปี
วันที่ 30 พ.ค.63 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดุษฎี นินกาซัน อายุ 52 ปี พร้อมด้วย น.ส.โนทรวง ภรรยาชาวกัมพูชา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ม.13 ต.ดงน้อย อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ได้นั่งรถตู้โดยสารเดินทางออกจากบ้านมายังสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอพบผู้สื่อข่าวให้ช่วยติดตามความคืบหน้ากรณีเคยร้องเรียน เรื่องผลกระทบจากผู้ประกอบการในพื้นที่ดินแปลงข้างเคียงติดกับบ้านพัก
ข่าวน่าสนใจ:
ได้นำแกลบทรายมาผสมกันเพื่อทำเป็นเชื้อเพลิงป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งย่าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีรถบรรทุกพ่วงวิ่งเข้าออกพื้นที่เป็นประจำ ทั้งยังมีการใช้รถตักดินพลิกกลับกองแกลบเพื่อผสมกับทรายให้เข้ารวมกัน จนเกิดเป็นปัญหาฝุ่นละอองฟุ้งกระจายออกมารบกวนครอบครัวของตนเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดอาการคันผิวหนังจากฝุ่นละอองที่ปลิวลอยมาเกาะเสื้อผ้า เครื่องนอน ตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน
ที่ผ่านมาเคยร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมไปยังทางอำเภอราชสาส์น อบต.ดงน้อย ศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา และสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 หลังจากเอกชนรายนี้ได้เข้ามาเช่าแปลงที่ดินข้างเคียงแล้วหลายครั้ง (เมื่อ ต.ค.62) แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ตนแต่อย่างใด โดยทางผู้ประกอบการยังคงมีการเทกองแกลบและทรายเข้าผสมกันเหมือนเดิม บนแปลงที่ดินเนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ จากนั้นจึงทำการขนย้ายตักใส่รถบรรทุกพ่วงนำไปส่งขายให้แก่ทางโรงไฟฟ้า
ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครอบครัวของตน ที่มีบ้านเรือนและแปลงที่ดินติดกันจำนวน 8 ไร่ ที่ผ่านมาหลังการร้องเรียนได้มีหน่วยงานต่างๆ ลงมาดูในพื้นที่บ้านของตน แต่ยังไม่เคยเห็นเข้าไปแก้ไขปัญหา ให้ผู้ประกอบการรายนี้ยุติการสร้างปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อตน หรือออกไปจากพื้นที่ ทั้งเจ้าหน้าที่ยังกลับเป็นฝ่ายเข้ามาตรวจสอบหาเอกสารที่เกี่ยวกับภรรยาของตน ว่าเข้าเมืองมาอยู่อย่างถูกต้องหรือไม่
ซึ่งภรรยาของตนมีเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับยังไม่ได้เข้าไปดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นให้แก่ตน ในพื้นที่แปลงดังกล่าว จึงต้องเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากทางสื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อให้หน่วยงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาจากผู้ประกอบการที่ก่อมลพิษและสร้างความเดือดร้อนดังกล่าวให้แก่ชาวบ้านอย่างเช่นครอบครัวของตนด้วย นายดุษฎี กล่าว
–มลพิษชิดซ้าย PM2.5 ยังรุนแรงน้อยกว่าทุกข์ชาวบ้าน ร้องนาน 6 เดือนไม่คืบ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: