ฉะเชิงเทรา – ตู้กินเงิน ทำสาวใหญ่ตกใจร้องขอให้ตำรวจมาช่วยตรวจสอบ สุดท้ายได้คืนทั้งหมดแล้ว ขณะชาวบ้านรอบข้างแฉถูกอมเงินกันเป็นประจำอย่างถ้วนหน้า เหตุจากมี ATM อยู่เพียงตู้เดียว แต่ใช้งานกันเกือบทั่วทั้งตำบล เผยเคยแจ้งไปยังทางธนาคารผู้เป็นเจ้าของหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้หายขาด จนมาเกิดเหตุทำเอาสาวใหญ่กดเงินหมื่นไม่ออกแต่ยอดหายจากบัญชีตกใจที่ตู้ไม่ยอมจ่ายให้
วันที่ 20 มิ.ย.63 เวลา 06.54 น. ร.ต.ต.ธงชัย ภู่ป้อม ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุร้องขอความช่วยเหลือจากประชาชนผ่านทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทราว่า ได้มีประชาชนไปใช้บริการกดเงินสดจากตู้บริการเงินด่วน (ATM) ที่บริเวณด้านหน้าโรงงานแปรรูปเป็ดรายใหญ่แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.2 ต.ดอนทราย อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา แล้วปรากกฎว่า
ตู้เงินด่วนไม่ยอมจ่ายเงินออกมาให้ แต่ยอดเงินในบัญชีได้ถูกหักออกไปจำนวน 1 หมื่นบาท หลังรับแจ้งจึงได้รีบรุดเดินทางไปทำการตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุในทันที พบ นางศศิธร อึ้งเจริญ อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ม.1 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ยืนรอขอความช่วยเหลืออยู่ที่บริเวณด้านหน้าบริษัทดังกล่าว พร้อมด้วย รปภ.ของทางบริษัท ซึ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือและแจ้งเหตุให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
หลังทำการตรวจสอบผ่านทางแอปพลิเคชั่นของทางธนาคาร ผ่านทางโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายพบว่ามียอดเงินที่เพิ่งถูกถอนออกหายไปจากบัญชีจริง เป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท ตามจำนวนที่ผู้เสียหายได้ทำรายการถอนเงินออกผ่านทางหน้าตู้บริการ แต่ตู้ยังไม่ได้มีการจ่ายเงินออกมาให้ตามจำนวนที่กด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการโทรศัพท์ เข้าไปยังหมายเลขสายด่วนด้านการให้บริการของทางธนาคารเจ้าของตู้เอทีเอ็ม เพื่อทำการแจ้งเหตุให้ทราบ
ทั้งยังบอกกับทางเจ้าหน้าที่ผู้รับสายปลายทางด้วยว่า ตู้บริการเงินด่วนแห่งนี้มีประชาชนมาใช้บริการแล้วกดเงินไม่ออกจากตู้บ่อยครั้ง และมักจะประสบปัญหาในการใช้งานในทำนองคล้ายกันอยู่เป็นประจำ แต่หลังจากโทรศัพท์แจ้งเหตุไปยังสายด่วนของทางธนาคารผู้ให้บริการได้ไม่นาน ทางผู้เสียหายได้พบว่าได้มีการโอนเงินคืนกลับเข้ามายังที่หมายเลขบัญชีของตน จำนวน 1 หมื่นบาทตามเดิมแล้ว จึงได้เดินทางกลับไปมมม
ช
ด้าน นายเอกลักษณ์ ครุฑธา อายุ 36 ปี ชาวบ้านในพื้นที่พร้อมเพื่อนบ้าน ตลอดจนประชาชนที่เข้ามาใช้บริการกดเงินสดที่ตู้บริการดังกล่าว ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ตู้บริการเงินด่วนแห่งนี้มักจะเกิดปัญหาติดขัดหรือเสียอยู่บ่อยครั้ง โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบนั้น มักจะอมเงินหรือกดเงินแล้วเงินไม่ออก แต่ยอดเงินในบัญชีถูกหักหายไป แต่เป็นชาวบ้านผู้กดเงินรายย่อย ที่กดเงินออกจากตู้ครั้งละประมาณ 500 บาท แต่มีบางรายกดเงินมากถึง 8-9 พันบาท ก็เคยประสบปัญหาเช่นเดียวกันมาแล้ว
โดยเชื่อว่าตู้บริการแห่งนี้อาจทำงานหนักหรือถูกใช้งานมากเกินไป เนื่องจากภายในซอยนี้ ซึ่งมีโรงงานอยู่มากจำนวนถึง 3-4 แห่ง คนงานล้วนต่างเข้ามาใช้บริการกดเงินที่ตู้แห่งนี้ เนื่องจากมีตั้งไว้คอยให้บริการอยู่เพียงแค่ธนาคารเดียว หรือเป็นเพียงตู้เดียวเท่านั้นที่ใช้กันเกือบทั้งตำบล นอกจากตู้จะรองรับการกดเงินจากคนงานโรงงานแล้ว ชาวบ้านยังใช้กดรับเงินสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น เงินคนชรา คนพิการ และเงินด้านอื่นด้วย นายเอกลักษณ์ กล่าว
