ฉะเชิงเทรา – อึ้งใช้ที่ดินสปก. รับทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม ในสวนยางพารา หลังชุดเฉพาะกิจตำรวจน้ำ ตามรอยจนเจอจากเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน พบเป็นกากน้ำมันดีเซลผสมน้ำถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่กว่าเที่ยวละ 4 หมื่นลิตร นำมาขุดหลุมฝังกลบเป็นร่องยาวไกลกว่า 50 เมตร เบื้องต้นพบร่องรอยของการกลบหลุมมาแล้วมากถึง 3 หลุม กลางป่าแหล่งต้นน้ำของคนเกือบทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา และภาคตะวันออก
วันที่ 10 ก.ค.63 เวลา 16.00 น. พ.ต.ท.สัญญา พุ่มโพธิ์ทอง หัวหน้าชุดสืบสวนหาข่าวที่ 1 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 11 นาย เข้าทำการจับกุม นายมนัส รัตนานนท์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ม.4 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา คนขับรถยนต์บรรทุกพ่วงขนาด 22 ล้อ แบบมีถังบรรจุวัตถุอันตรายจำนวน 4 หมื่นลิตร มาทำการบันทึกจับกุม
หลังทำการจับกุมตัวได้ในขณะที่กำลังทำการขนถ่ายน้ำมันดีเซลผสมน้ำ หรือ ไฮโดรคาร์บอนผสมน้ำ หรือวัตถุอันตรายอยู่ในรูปอิมัลชัน ซึ่งมีกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงและมีสีดำขุ่นข้น มาเทลงใส่บ่อดินขนาดกว้างประมาณ 1.5 เมตรยาวประมาณ 70 เมตร ลึกประมาณ 2.5 เมตร ภายในบริเวณป่าสวนยางพาราบ้านห้วยน้ำใส หรือกุดน้ำใส พื้นที่ ม.9 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
พร้อมของกลางรถยนต์บรรทุกแบบกึ่งพ่วงและมีถังบรรจุวัตถุอันตรายขนาดใหญ่ เศษของเสียหรือน้ำมันของกลางที่ยังเทออกไม่หมดอีกประมาณ 7 พันลิตร กระบะรองของเสีย และสำเนาทะเบียนรถ แต่ไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นเจ้าของสถานที่ป่าสวนยางดังกล่าว
จากการสอบถามปากคำนายมนัส ได้ให้การต่อชุดจับกุมว่า ได้รับคำสั่งจากนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของรถบรรทุกวัตถุอันตราย ให้ไปรับของเสียมาจากบริเวณแยกเนินหิน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ด้วยการดูดขึ้นมาจากถังพักกักเก็บของเสียอันตราย จำนวนประมาณ 20 ตัน จากนั้นได้ขับรถมายังที่เกิดเหตุและทำการปล่อยของเสียทิ้งลงสู่บ่อดินที่มีการขุดเตรียมไว้ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมดังกล่าว
และจากการตรวจสอบตามทะเบียนรถ หมายเลขทะเบียนหัวลาก 71-2452 ฉะเชิงเทรา ทะเบียนหางพ่วง 71-4411 ฉะเชิงเทรา พบว่าผู้ประกอบการขนส่ง คือ น.ส.น้ำทิพย์ คงมั่น มีชื่อเป็นเจ้าของรถ จึงได้ร้องขอให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีต่อทางเจ้าของรถหรือผู้ประกอบการตามข้อหาทั้ง 4 ด้วย โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับข้อหาทั้ง 4 ได้กล่าวหาว่า มีไว้ในความครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และเป็นผู้ขนส่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการขนส่งวัตถุอันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ พ.ศ.2558
รวมถึงเป็นผู้ขับขี่ซึ่งใช้บรรทุกสิ่งปฏิกูลมูลฝอยหรือสิ่งอื่นใดต้องจัดรถนั้นให้อยู่ในสภาพที่ป้องกันมิให้ตกหล่นรั่วไหลปลิวฟุ้งกระจายลงบนถนน ตามมาตรา 13 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2561 และ ข้อหาเป็นผู้ควบคุมหรือรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสีย ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 73, 105
สำหรับการปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 122/2563 ลงวันที่ 11 มี.ค.63 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้รับคำสั่งและการอำนวยการจาก พล.ต.อ.พรหมธร ภาคอัต ที่ปรึกษาพิเศษ ตร/ผอ.ศปนม.ตร และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง จเรตำรวจ (สบ.8) ผู้ช่วย ผอ.ศปนม.ตร. ให้มาสืบสวนหาข่าวตามเบาะแสการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่
โดยใช้ระยะเวลาในการแกะรอยมาเป็นเวลานานถึงเกือบ 1 เดือน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามการร้องเรียนได้ในวันนี้ ซึ่งในพื้นที่บริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติ เดิมเกือบทั้งหมด ก่อนที่จะมีการเข้ามาทำการปฏิรูปที่ดินตามนโยบายของรัฐบาลในแต่ละยุค จนกลายมาเป็นที่ดิน สปก.ในปัจจุบัน พ.ต.ท.สัญญา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: