ฉะเชิงเทรา – ตำรวจ แสนภูดาษคว้ารถตู้ตีนผีขับฝ่าสัญญาณไฟแดงกลางดึกพุ่งชนนักปั่นจักรยานชาวฟิลิปปินส์ได้แล้ว หลังเพจกลุ่มจัดปั่นแข่งขันจักรยานระยะไกลชื่อดังแพร่ข่าวเกิดอุบัติเหตุเมื่อช่วงกลางดึกก่อนรุ่งสางของคืนวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมาสะพัดโซเชียล พร้อมเตรียมนำตัวแถลงข่าววันพรุ่งนี้
วันที่ 25 ต.ค.61 เวลา 14.30 น. พ.ต.อ.นิพนธ์ คล้ายสิงห์ ผกก. สภ.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีเกิดอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนรถจักรยานของนักปั่นต่างชาติ ชาวฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงกลางดึกก่อนรุ่งสางของวันที่ 23 ต.ค.61 เวลา 01.12 น.จนทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือนำส่งไปยัง รพ.บ้านโพธิ์
ข่าวน่าสนใจ:
ต่อมาได้มีเพจ Audax Randonneurs Thailand ของกลุ่มนักจัดการแข่งขันปั่นจักรยานระยะไกล นำเรื่องราวของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นออกมาเผยแพร่สู่สังคมโลกโซเชียล และตกเป็นข่าวในเวลาต่อมานั้นว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แสนภูดาษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจาก กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทราสามารถติดตามค้นหารถตู้คันก่อเหตุจนพบแล้ว
โดยรถคันก่อเหตุได้ถูกนำไปเคลมต่อบริษัทประกันภัยชั้นหนึ่ง และเข้าอู่ซ่อมในแถบย่านเขตพื้นที่มีนบุรี กรุงเทพฯ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้นำรถตู้คันดังกล่าว กลับมาให้ พฐ.ตรวจพิสูจน์หลักฐานยังที่ สภ.แสนภูดาษ ส่วนคนขับขณะนี้ทราบตัวแล้วเป็นชายอายุ 29 ปี ชาว อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังไล่ติดตามจับกุมตัว ตามหมายจับของศาล จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว และคาดว่าจะสามารถนำตัวกลับมาแถลงข่าวได้ในวันพรุ่งนี้ โดย พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทราบว่า Mr.Russel Agaton Diokno Perez อายุ 51 ปี นักปั่นชาวฟิลิปปินส์รายนี้ ได้เดินทางมาเข้าร่วมรายการแข่งขันปั่นจักรยานระยะยาว 1,000 กม. (Audax Randonneurs) เส้นทางสุวรรณภูมิ-ตราด และปั่นจาก จ.ตราด กลับมายังที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง เมื่อมาถึงยังจุดเกิดเหตุได้มีรถตู้ซึ่งตามคำให้การของพยานระบุว่าขับมาด้วยความเร็ว และมีการเลาะฝ่าสัญญาณไฟแดงในเลนด้านซ้ายพุ่งเข้ามาชนรถจักรยาน
ในขณะที่นักปั่นรายนี้กำลังปั่นจักรยานข้ามถนนบริเวณจุดตัดทางแยก ระหว่างถนนทางหลวงชนบท ฉช.3005 เชื่อมกับถนนทางหลวงสาย 314 บางปะกง-ฉะเชิงเทรา (สิริโสธร) ที่บริเวณสามแยกสัญญาณไฟหัวเนิน พื้นที่ ม.1 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อมุ่งหน้าไปยังทางตัวเมืองฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะไปเลี้ยวซ้ายเข้ายังทางหลวงชนบทสาย ฉช.3001 มุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป
หลังเกิดเหตุนักปั่นผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือนำส่งไปยัง รพ.บ้านโพธิ์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เร่งทำการเกะรอยของรถตู้คันดังกล่าวตามเส้นทางจากกล้องวงจรปิดเอกชนจำนวนกว่า 10 จุด จนทราบว่ารถตู้คันก่อเหตุนี้ เป็นรถตู้โตโยต้าสีขาว ทะเบียน 33-3521 กทม.ได้ขับลงมาจากถนนทางหลวงพิเศษสาย 7 มอเตอร์เวย์ ช่องทางขาลงจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 01.07 น. ก่อนจะมาเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนรถจักรยานของนักปั่นในเวลา 01.12 น.
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าร้านค้าริมทาง (KFC) ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุจับภาพเอาไว้ได้ในระยะไกล ก่อนที่จะแกะรอยไปตามเส้นทางจนพบว่ารถคันดังกล่าวได้หลบหลีกเส้นทางสายหลักตามปกติ ที่รถคันนี้จะต้องเลี้ยวขวาตรงบริเวณทางสามแยกบางพระเข้าสู่ถนนสายเลี่ยงเมือง 365 เชื่อมถนน 304 มุ่งหน้าสู่ จ.สระแก้ว
แต่หลังจากก่อเหตุแล้วคนขับได้ใช้เส้นทางเลาะซ้าย ตรงทางสามแยกสัญญาณไฟบางพระมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังเส้นทางเข้าเมืองฉะเชิงเทรา และนำรถไปเคลมประกันภัยเข้าอู่ซ่อมในเขตท้องที่มีนบุรีในช่วงรุ่งเช้าของวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังพบพฤติการณ์หลังเกิดเหตุการณ์พุ่งชนรถจักรยานแล้วด้วยว่า คนขับได้มีการชะลอดูก่อนที่จะรีบขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วจากจุดเกิดเหตุด้วย
ซึ่งการติดตามครั้งแรกหลังเริ่มแกะรอยได้ปรากฏว่า ชื่อที่อยู่ของเจ้าของรถนั้นยังเป็นชื่อเจ้าของเก่า โดยมีการขายรถตู้คันนี้มาแล้วถึง 2 ทอด ก่อนที่จะรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใครในวันนี้ พ.ต.อ.นิพนธ์ กล่าว และกล่าวต่อว่า สำหรับรถตู้คันนี้ไม่ใช่รถตู้โดยสารประจำทาง โดยเป็นรถตู้โดยสารสาธารณะรับจ้างทั่วไป แต่น่าเชื่อว่าจะเป็นรถตู้ที่ถูกนำมาใช้วิ่งรับส่งแรงงานต่างด้าวจาก กทม.เพื่อนำไปต่อพาสปอร์ต ยังที่บริเวณด่านชายแดนอรัญประเทศ ซึ่งมักจะขับด้วยความเร็ว และบริษัทเจ้าของรถตู้คันนี้ยังเปิดดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตพื้นที่ จ.สระแก้ว ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: