X
ยอมรับผิด

หนุ่มตีเด็กหัวแบะยอมรับผิด อ้างถูกถ่มน้ำลายใส่ หลังมารดาแจ้งเอาผิดล่าสุดตกลงกันได้แล้ว

ฉะเชิงเทรา – หนุ่มตีเด็กหัวแบะยอมรับผิด พร้อมกล่าวขอโทษ อ้างถูกถ่มน้ำลายใส่ก่อนเกิดบันดาลโทสะ หลังมารดาแจ้งความเอาผิดยอมเดินทางมาเจรจาก่อนตกลงกันได้แล้ว โดยฝ่ายคู่กรณียินยอมที่จะดูแลรับผิดชอบและชดใช้ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเด็กให้ทุกด้านเท่าที่จะหามาได้

วันที่ 4 ต.ค.63 เวลา 09.30 น. ที่บริเวณที่ทำการกำนันตำบลศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา นายพิศาล โคกสีนอก อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/3 ม.15 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย น.ส.แดง (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ภรรยา ได้เดินทางมาขอเจรจาพูดคุยตกลงกันกับ นางไพพรรณี ไชยสนธ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/6 ม.13 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

มาเจรจากัน

มารดาของ ด.ช.ธนเดช พูลทวี อายุ 11 ปี เยาวชนผู้ถูกทำร้ายร่างกายถูกตีที่ศีรษะจนมีบาดแผลแตกยาวถึงกว่า 10 ซม. และตกเป็นข่าวผ่านทางสื่อมวลชน ทั้งยังมีการนำเสนอบิดเบือนข้อมูลไปในแง่มุมต่างๆ จนกลายเป็นกรณีของเซียนพนันหัวเสียทำร้ายเด็กนั้น ล่าสุด นายพิศาล ได้กล่าวขอโทษต่อผู้เป็นมารดาของเด็กแล้ว ว่ารู้สึกเสียใจที่ได้กระทำลงไป เนื่องจากถูกเด็กถ่มน้ำลายใส่ขาก่อนถึง 2 ครั้งจึงเกิดบันดาลโทสะ เนื่องจากในขณะนั้นได้ดื่มสุราขาวเข้าไปจนเริ่มกรึ่มแล้ว จึงใช้ไม้คิวแทงสนุกเกอร์ตีลงไปที่เด็ก

ที่ทำการกำนัน

ตอนนี้ตนสำนึกผิดแล้ว และยอมรับผิดว่าได้ก่อเหตุทำร้ายเด็กจริง แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารเด็กแล้ว เพราะเคยเห็นเข้ามาที่โต๊ะสนุกเกอร์เป็นประจำจนคุ้นเคยกัน ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นตนกำลังเล่นสนุกเกอร์กันกับเพื่อนคนงานโรงงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น 4-5 คน โดยที่โต๊ะสนุกเกอร์นั้นมีคนเข้ามาเล่นกันอยู่เต็มทั้ง 2 โต๊ะ จำนวน 4-5 คนต่อโต๊ะ นายพิศาล กล่าว

ขณะที่นางไพพรรณี ได้ตอบโต้ขึ้นมาทันทีว่า ตนเองนั้นไม่เชื่อว่าบุตรชายตนเองจะถ่มน้ำลายใส่ผู้ใหญ่ หรือทำอย่างนั้นแน่นอน และเชื่อว่านายพิศาล นั้นตั้งใจที่จะทำร้ายเด็ก ในขณะที่ยังคงมีสติดีอยู่ จึงได้รีบขับรถหลบหนีไปในทันทีหลังก่อเหตุ จึงอยากถามว่าทำไปได้อย่างไร อีกทั้งคนในที่เกิดเหตุตลอดจนเจ้าของโต๊ะสนุกนั้นจิตใจทำด้วยอะไร เหตุใดจึงไม่รีบให้การช่วยเหลือหรือพาเด็กไปหาหมอก่อนในทันทีตั้งแต่แรก

มารดาเด็ก 11 ขวบ

โดยเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 2 ต.ค.63 ก่อนที่เด็กๆ ซึ่งเป็นบุตรของเพื่อนบ้านที่มาด้วยกันจะพาบุตรชายของตนมาส่งถึงยังที่บ้านพักในเวลาเกือบ 23.00 น. ในสภาพเลือดแห้งกังติดเต็มตัว แต่เด็กไม่กล้าที่จะบอกตน แต่ได้ใช้เสื้อคลุมปิดบาดแผลที่ศีรษะไว้ จนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ก่อนที่จะบอกให้ตนช่วยพาไปหาหมอ จนมาเปิดผ้าดูถึงกับตกใจ เนื่องจากพบว่ามีบาดแผลที่ศีรษะของบุตรชายขนาดใหญ่มาก

บาดแผลยาวกว่า 10 ซม.

โดยถูกตีมาจนหัวแบะ คล้ายกับลูกแตงโมแตก บาดแผลยาวถึงกว่า 10 ซม. และลึกมากจนตนต้องใช้เสื้อช่วยมัดห่อศีรษะเอาไว้ให้ และรีบแจ้งไปยังทาง รพ. จากนั้นในเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษของวันที่ 3 ต.ค.63 จึงมีรถของหน่วยกู้ภัยฯ เดินทางมารับตัว ช่วยนำไปส่งยังที่ รพ.พุทธโสธร ตามที่ตกเป็นข่าวก่อนที่แพทย์จะให้เด็กกลับมานอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยที่อาการล่าสุดยังคงนอนซม คลื่นไส้ ปวดศีรษะ นางไพพรรณี กล่าว

ถูกทำร้ายมา

จากการพูดคุยเจรจาตกลงกันของทั้งสองฝ่าย ได้ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้ ซึ่งนางไพพรรณี เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ทางฝ่ายของผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินยอมที่จะดูแลชดใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลบุตรชายของตนให้ทั้งหมด และหากมีอาการหรือผลกระทบข้างเคียงต่อสมอง ก็ยังจะช่วยรับผิดชอบดูแลให้จนถึงที่สุด ส่วนเรื่องคดีความที่ได้ไปแจ้งความเอาไว้ยังที่ สภ.บางน้ำเปรี้ยว แล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.63) ยังคงให้ดำเนินต่อไปก่อน

มารดายอมตกลง

เนื่องจากยังเป็นเพียงการตกลงกันได้ในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งตนเห็นแก่ น.ส.แดง ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ที่เป็นคนในพื้นที่หมู่บ้านเดียวกัน และเห็นหน้ากันมาโดยตลอด อีกทั้งผู้ก่อเหตุนั้นปกติอุปนิสัยก็ไม่ใช่คนที่เกเร หรืออันธพาลใดๆ โดยเป็นคนทำมาหากินมีอาชีพรับจ้างหว่านปุ๋ยนาข้าว เลี้ยงปลา และทำนา รวมถึงรับจ้างงานด้านก่อสร้างด้วย ซึ่งหากเป็นบุคคลที่มีนิสัยเกเรชอบก่อเหตุทำร้ายผู้คน ตนเองก็จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นางไพพรรณี ระบุ

ขณะที่ น.ส.แดง ได้รับปากว่าจะยินยอมรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต่อหน้าผู้สื่อข่าว โดยหากทางฝ่ายของผู้เสียหายมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับอาการของเด็กนั้น ก็ขอให้บอกกล่าวมา ตนเองยินดีที่จะหามาให้เท่าที่จะหามาได้จนถึงที่สุด เนื่องจากปกติสามีซึ่งอยู่ในวัยอ่อนกว่ามากถึงกว่า 10 ปีนั้น เป็นคนตั้งใจทำมาหากินไม่เคยเกเรมาก่อน ซึ่งหากเป็นคนอันธพาลเกเรตนเองก็ไม่เอาไว้เช่นกัน

คนบ้านเดียวกัน

ส่วนการออกมาเล่นสนุกเกอร์นั้นเป็นเพียงการมาพักผ่อน หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากงานนาข้าวมาเท่านั้น และปกติเขาไม่ได้เล่นการพนันอะไร แต่สื่อกลับไปลงข่าวว่า “เป็นเซียนพนันหัวเสีย แล้วทำร้ายเด็กจนเป็นข่าวใหญ่โต ทั้งที่ไม่เป็นความจริง” จึงทำให้ทุกคนในครอบครัวเกิดความเครียดและไม่สบายใจ น.ส.แดง กล่าว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่ตั้งโต๊ะสนุกเกอร์ในหมู่บ้าน และพยายามที่จะขอเข้าไปดูยังในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นร้านค้าของชำ และมีการจัดห้องเปิดเป็นที่ตั้งโต๊ะสนุกเกอร์จำนวน 2 โต๊ะเอาไว้ภายในอย่างมิดชิด แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากทางเจ้าของบ้าน โดยผู้ที่เป็นบุตรชายของเจ้าของร้าน วัยประมาณ 20 ปีเศษ ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า โต๊ะสนุกเกอร์ดังกล่าวนี้ มีไว้สำหรับเล่นกันภายในครอบครัวเท่านั้นไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปภายนอกเข้ามาเล่น

โต๊ะสนุกเกอร์ ที่เกิดเหตุ

จึงไม่ได้มีการขออนุญาตใดๆ แต่เด็กๆ ในหมู่บ้านพร้อมผู้ปกครองได้เข้ามาขอให้บุตรหลานเล่น จึงปล่อยให้เล่น เนื่องจากเป็นการกีฬาชนิดหนึ่ง ดีกว่าปล่อยให้เด็กไปแว้นหรือไปทำอย่างอื่น จนเกิดเป็นปัญหาสังคม โดยวันเกิดเหตุคนในบ้านไม่มีใครรู้เห็นหรืออยู่ในที่เกิดเหตุเลย เนื่องจากปิดร้านค้าตั้งแต่ในเวลา 21.00 น. จึงมีแต่เด็กๆ เท่านั้นในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ใหญ่เข้ามาได้อย่างไรนั้นไม่ทราบ และเหตุยังเกิดด้านนอกด้วยไม่ได้เกิดขึ้นภายในร้านบุตรชายเจ้าของร้านระบุ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน