ฉะเชิงเทรา – คนเดินทางยังหวาดผวา ขณะนักศึกษาสาวยังต้องให้พ่อแม่พามาคอยนั่งเฝ้ารอส่งขึ้นรถไฟที่สถานีคลองแขวงกลั่น ระบุแม้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ บรรยากาศก็ยังดูน่ากลัวสุดวังเวง จนบางครั้งจำต้องนั่งเลยไปลงยังที่สถานีอื่น เหตุจากเป็นสถานีร้างจนดูเสื่อมโทรมไม่มีแม้แต่แสงไฟยามค่ำคืน ขณะชาวบ้านบางรายที่มาดูในที่เกิดเหตุยังผวาไม่กล้าผ่านพื้นที่
วันที่ 14 ต.ค.63 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรมใหญ่ ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถบัสจนมีผู้ที่กำลังจะเดินทางไปทำบุญร่วมทอดกฐิน ยังที่วัดบางปลานัก เสียชีวิตรวม 19 ศพนั้น บรรยากาศในวันนี้โดยรอบพื้นที่เริ่มกลับเข้าสู่ความเงียบสงบลงอีกครั้ง
ข่าวน่าสนใจ:
- ปราจีนบุรี ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นปันน้ำใจ ฉะเชิงเทรา-หนองคาย
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
โดยมีเพียงกลุ่มจิตอาสาของการรถไฟฯ เดินทางเข้ามาพัฒนาจัดระเบียบและปรับปรุงพื้นที่ บริเวณจุดเกิดเหตุเท่านั้น ขณะที่บริเวณภายในตัวสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปอีกประมาณ 60 เมตรนั้น ได้มีนักศึกษาสาวมายืนรอขึ้นรถไฟแค่เพียงรายเดียวเท่านั้น โดยที่ได้ให้ผู้ปกครองทั้งผู้เป็นบิดามารดา มานั่งรอคอยเฝ้าส่งขึ้นขบวนรถ หรือคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา
โดย น.ส.ปิยวรรณ ชื่นบาน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/4 ม.4 ต.คลองเปรง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ปกติตนเองจะเดินทางมาขึ้นขบวนรถไฟในทุกเช้าของวันจันทร์ หรือหลังจากวันหยุด เพื่อเดินทางไปเรียนหนังสือยังในพื้นที่ กทม. และจะกลับมาบ้านอีกครั้งในวันศุกร์ โดยที่จะมาขึ้นรถไฟเป็นประจำยังที่สถานีแห่งนี้ในทุกๆ เช้าของวันจันทร์ต้นสัปดาห์
แต่ในตอนขากลับ คือ วันศุกร์นั้น จะนั่งเลยจากสถานีคลองแขวงกลั่น ไปลงยังที่สถานีบางพระ ซึ่งอยู่เลยถัดไปอีก 1 สถานี เนื่องจากสถานีแห่งนี้ไม่มีไฟฟ้าไม่มีแสงไฟส่องสว่าง ต้องใช้ไฟฉายติดตัวมาส่องทาง จึงทำให้บรรยากาศดูวังเวงน่ากลัว เนื่องจากเป็นสถานีร้าง จึงไม่กล้าที่จะลงจากขบวนรถที่สถานีแห่งนี้ และ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงยิ่งทำให้ตนไม่กล้าที่จะเดินทางมารอขึ้นขบวนรถไฟเพียงลำพังอีก
ในวันนี้จึงได้ให้ผู้เป็นบิดา คือ นายบุญเชิด ชื่นบาน อายุ 55 ปี และมารดา คือ นางติ๋ม ลิ้มตัง อายุ 53 ปี เดินทางมาส่ง และมาช่วยนั่งรอรถไฟเป็นเพื่อนด้วย น.ส.ปิยวรรณ กล่าว
ขณะที่ นายปัญญา ศิริตาหนึง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ปกติช่วงเย็นค่ำจะมีชาวบ้านมานั่งรวมตัวพูดคุยสนทนากันอยู่ที่บริเวณร้านค้าของนางกบ ซึ่งตั้งอยู่ริมทางรถไฟตรงจุดเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุการณ์แล้ว ชาวบ้านที่เคยมานั่งรวมตัวพูดคุยกัน ต่างพากันกลับบ้านกันเร็วไวขึ้น หรือหลังจากขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายผ่านไปแล้ว ก็จะพากันกลับบ้านไปกันจนหมดเกลี้ยงในทันที นายปัญญา ระบุ
ส่วนด้าน นายสำราญ ทองวิจิตร อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.7 ต.บางเตย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตลอด 3 วันที่ผ่านมาในพื้นที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นยามค่ำคืน และไม่มีแม้แต่เสียงสุนัขหอน โดยทุกอย่างมีแต่เพียงความเงียบสงัด สำหรับตนเองแล้วนั้นไม่ได้กลัวอะไร เนื่องจากไม่ได้มาดูในที่เกิดเหตุ หรือไม่ได้มาเห็นศพ
แต่สำหรับชาวบ้านที่เคยมาดูในที่เกิดเหตุ หรือได้มาเห็นศพคนตายแล้วนั้น หลายคนต่างไม่กล้าผ่านเข้ามาในพื้นที่ตรงบริเวณในที่เกิดเหตุอีก หากไม่มีความจำเป็นก็จะไม่มากัน เพราะยังคงมีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดตากันอยู่ตลอดเวลา นายสำราญ กล่าว
–ทุกผู้ทุกนามเกิดมาเพื่อจาก พระดังตะวันออกแนะญาติหยุดทุกข์ถึงผู้วายชน
–หลอนติดตา หนุ่มรอดชีวิตทัวร์กฐินจิตกระเจิง ขณะญาติทำพิธีเรียกกลับ
–โศกนาฏกรรม ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าขยี้ทัวร์กฐินดับคาที่ 18 ศพ
–คนเดินทางยังหวาดผวา ขณะนักศึกษายังต้องให้ผู้ปกครองมานั่งเฝ้ารอส่งขึ้นรถไฟสถานีคลองแขวงกลั่น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: