ฉะเชิงเทรา – บิณฑ์ปลุกคนไทยเฝ้ารับเสด็จ หน้าวัดพระแก้วบ่ายวันพรุ่งนี้ บอกเด็กรุ่นใหม่เคลื่อนไหวต้องมีกรอบไม่ก้าวล่วงสถาบัน เผยมุ่งมั่นปกป้องยอมสละได้ทุกสิ่งอย่างทั้งออกจากมูลนิธิฯ ยอมให้คนด่า พร้อมรวมพลังมวลชนผู้ภักดีร่วมแสดงจุดยืนปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวการเมือง ไม่มีเบื้องหลังยันเป็นการกระทำส่วนตัว
วันที่ 31 ต.ค.63 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “บิณฑ์ บันลือฤทธิ์” อดีตดารานักแสดงชื่อดังได้กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว หลังจากการทำบุญทอดกฐินเสร็จสิ้นภายในวัดป่าพรหมยาน ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ถึงในช่วงระหว่างการทำบุญทอดกฐินได้พูดชักชวนให้คนไทย และผู้ที่มาร่วมทำบุญได้ออกไปร่วมกัน เดินทางไปรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ที่บริเวณหน้าวัดพระแก้วในวันพรุ่งนี้ เวลา 14.00 น.ว่า
เป็นการรวมพลังคนไทยให้ไปแสดงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทางการเมือง และไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง โดยเป็นการกระทำส่วนตัวที่ต้องการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันไม่ให้ใครมาทำลายได้ จึงอยากให้ชาวไทยทุกคนร่วมกันเดินทางไปกันให้มากๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยเรานั้นยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันอยู่
ข่าวน่าสนใจ:
โดยตนมุ่งมั่นและพร้อมที่จะปกป้องสถาบัน และยอมได้ทุกอย่าง ทั้งการลาออกจากมูลนิธิร่วมกตัญญูยอมให้คนออกมาด่า จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่คนมาด่าตนที่ออกมาปกป้องสถาบัน คือเรื่องอะไรซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว ถ้าออกมาเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสิ จึงอยากถามจิตใจทุกคนว่าทำไมถึงมาด่าตน ทำไมไม่ช่วยกันปกป้องสถาบันล่ะ คือ สิ่งที่อยากจะถามว่ามันคืออะไรกันสังคมตอนนี้
ส่วนทางพุทธอิสระ ที่มีการโทรศัพท์มาหาแล้วตนไม่ได้รับสาย และมีข้อความฝากไว้ให้ตนโทรศัพท์กลับไปนั้น ก็ได้โทรกลับไปจริงเพราะเห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร โดยทางท่านบอกว่าจะมีคนมาร่วมปกป้องสถาบันด้วยประมาณ 4-5 พันคน ตนก็เห็นว่าดีที่จะมาช่วยกันแสดงพลัง แต่ไม่ใช่การเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมือง
ซึ่งตนก็ยังเป็นห่วงในเรื่องของห้องน้ำ ซึ่งทางพุทธอิสระนั้นได้บอกว่า เดี๋ยว กทม.คงจะมีการเตรียมการเอาไว้ให้ ส่วนเรื่องของภาพถ่ายที่ตนถ่ายคู่กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น เป็นภาพเก่าที่เคยถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ที่ตนมาร่วมรับโทรศัพท์ช่วยน้ำท่วมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง เพราะนายกตู่ไม่ได้มาช่วยอะไรตน
โดยตนยังต้องทำมาหากินยังช่วยเหลือประชาชน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเงินของรัฐบาลสักบาท และเป็นเงินของชาวบ้านอีกด้วยซ้ำไป ที่นำมาสนับสนุนตน ฉะนั้นตนไม่จำเป็นต้องไปช่วยรัฐบาลไม่เกี่ยวกัน แต่ด้วยจิตสำนึกของคนไทย ที่ต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงงงว่าทุกวันนี้เราทำสิ่งอะไรดีๆ นี่มันไม่ใช่ดีแล้วนะ มันเกี่ยวอะไร มันเพราะอะไร เราออกมาปกป้องสถาบันแต่กลับโดนรุมด่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับการเมือง
ตนบอกอยู่ชัดเจนว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ชัดเจนหมด ทุกท่านที่ออกมาร่วมแสดงพลังสบายใจได้ เพราะตนทำอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เข้าข้างใคร ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะออกจากมูลนิธิฯ แต่บอกตามตรงว่าวันนั้นมีผู้ใหญ่ในมูลนิธิฯ บอกว่าเห็นมีข่าวออกว่า เราจะตบเด็ก ผมอธิบายให้ฟังเรียบร้อยไปหมดแล้ว เด็กชูสามนิ้วตนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว แต่ที่จะตบวันนั้นด้วยความโมโห คือ ยกนิ้วกลางให้ขบวนเสด็จฯ
ผมบอกว่า ถ้าผมอยู่ตรงนั้นผมจะตบ แต่จริงๆ ที่พูดเพราะด้วยความโมโห แต่ถ้าอยู่ตรงนั้นจริงๆ ก็คงไม่ได้ทำ แต่เพราะความโมโหมันพาไปแล้วก็จบ ตอนนี้เห็นใครทำอะไรก็ปล่อยให้เป็นเวรเป็นกรรมของเขาไป คือ จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่อะไร จะเดินหน้ามุ่งมั่นอย่างเดียว คือ รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ และปกป้องพระองค์ท่าน วันนั้นจึงรู้สึกน้อยใจขึ้นมาบ้าง ที่เราทำสิ่งดีๆ แล้วต้องมาโดนอย่างนี้
เราก็เลยบอกว่า งั้นผมออกดีกว่าเพื่อจะได้ไม่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ พอได้ออกมาจึงรู้สึกได้ว่าทำอะไรได้อย่างอิสระและพูดได้เต็มที่ ไม่ต้องไปเกี่ยวกับมูลนิธิ และมูลนิธิฯ จะได้ไม่ต้องมาเสียหาย จะได้ไม่ต้องมาคอยฟังเรื่องราวอะไรไม่ดี จึงขอออกมาดีกว่า คนหลายๆ คนก็เสียใจ น้องๆ หลายคนก็เสียใจ จึงได้บอกไปว่าอยากจะออกมาทำอะไรที่เป็นอิสระ อยากจะทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองบ้าง
ตอนนี้จึงอยากทำเพื่อประชาชน ทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงไปด้วยดีก่อน อยากจะเชิญชวนหลายคนออกมาปกป้องสถาบัน หากวันหนึ่งออกมาเป็นล้านๆ คน เมื่อถึงวันนั้นผมจะรู้สึกว่าได้ทำสำเร็จแล้ว ให้ทุกคนได้รู้ว่าพี่น้องทุกคน ชาวไทยยังคงรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังต้องการในหลวงพระราชินีอยู่ในเมืองไทย แล้ววันนั้นตนอาจจะกลับไปทำมูลนิธิฯ อีกครั้ง
แม้ทุกวันนี้ตนจะออกมาแล้ว ก็ยังได้ออกไปช่วยเคสโน่นนี่ แต่ไม่ได้แต่งชุดร่วมกตัญญูเท่านั้นเอง เพราะใจเรามันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ตนไม่ใช่นักปลุกระดม ไม่ใช่นักจัดม็อบ ตนไม่มีอะไรเลยมีแต่ดวงใจที่ซื่อสัตย์และบริสุทธิ์จริงๆ ในการเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาเฝ้ารับเสด็จในวันที่ 1 พ.ย.63 หรือวันพรุ่งนี้ ตนคิดว่าน่าจะเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวไทย ถ้าเห็นพระองค์เสด็จที่ไหนเราก็จะไปกราบเฝ้ารับเสด็จ ให้พระองค์ท่านได้มีกำลังใจที่ดี ถ้าเห็นพสกนิกรชาวไทยยังคงรักและเป็นห่วงพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง
โดยตนไม่มีการจัดเวทีใช้เครื่องขยายเสียงพูดโน้มน้าว แบบนั้นไม่มีจริงๆ อยากจะเชิญชวนจริงๆ หน้าแฟนเพจพรุ่งนี้วันอาทิตย์ สบายๆ บ่ายสองโมงสามโมงสี่โมง เรามาพบเจอกันเพื่อเฝ้ารับเสด็จในหลวงและพระราชินี เอาไว้ดูว่าพรุ่งนี้คนจะมาขนาดไหน แล้วเราค่อยต่อยอดไปในวันที่ 5 ธ.ค. เราออกมาไม่ได้เอาม็อบออกมาชนม็อบ ต้องออกมาแบบมีเหตุผล
ออกมาแบบเป็นสิ่งที่ดีสำหรับส่วนรวม และพี่น้องประชาชน เช่น วันพรุ่งนี้เรามาเฝ้ารับเสด็จ วันที่ 5 ธ.ค. คือวันพ่อแห่งชาติ พี่น้องประชาชนชาวไทยต้องออกมาถวายความจงรักภักดี และคิดถึงพระองค์ท่าน ตนจะไม่สร้างความแตกแยก จะไม่สร้างให้มันเป็นปัญหาของสังคม เราจะไม่ทำ เมื่อถูกถามว่าหากสื่อสารกับเด็กรุ่นใหม่ๆ ได้ อยากจะสื่อสารถึงพวกเขาอย่างไร
บิณฑ์ ตอบว่า จริงๆแล้ว ตนเคารพในสิ่งที่เขาเรียกร้องสิทธิของเขา เรียกร้องประชาธิปไตย เปลี่ยนรัฐธรรมนูญหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องอยู่ในกรอบ ตนเชื่อว่าน้องๆ หลายคนที่ออกมาก็อยากจะเห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่สถาบัน อยากจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง เปลี่ยนแปลงรัฐบาลเปลี่ยนได้ ตนสนับสนุน แต่ขอร้องไว้อย่างหนึ่งซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่าเปลี่ยนแปลง คนไทยอีกหลายสิบล้านคนคงไม่ยอม โดยเฉพาะตนเองคนหนึ่ง อย่างอื่นสนับสนุนหมด แต่เปลี่ยนแปลงสถาบันไม่ได้ บิณฑ์ กล่าว
–คนทะลัก แห่รุมทึ้งถ่ายรูปคู่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” แน่นวัดป่าพรหมยาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: