ฉะเชิงเทรา – สองสาวสุดเซ็ง โอนเงินจองเช่ารถชวนกันพาครอบครัวไปเที่ยวเมืองกรุงเก่า แต่ถูกนายหน้ารับเช่าเบี้ยวหนีหาย ไม่ได้ทั้งรถไม่ได้ทั้งเงินคืน และยังทำให้ไม่ได้พาคนในครอบครัวเดินทางไปท่องเที่ยวตามความต้องการ เมื่อช่วงวันหยุดปลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนเดินสายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ หวังเรียกเงินคืนและช่วยเตือนภัยสังคมไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงได้อีก
วันที่ 1 ธ.ค.63 เวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ริน (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ชาว ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อช่วงวันหยุดปลายเดือนที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยน้องสาว คือ น.ส.นก (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ได้โอนเงินจองเช่ารถยนต์แบบตรวจการณ์ (SUV) จากร้านคาร์แคร์ซึ่งเปิดให้บริการรถเช่ารายหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้กับปั้มน้ำมัน ริมถนนสายบ้านเก่าย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี
ข่าวน่าสนใจ:
ผ่านทางหญิงสาวรายหนึ่ง วัย 32 ปี ชาว ต.ปะโค อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งมีอาชีพเป็นนายหน้าติดต่อให้บริการเช่ารถ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) โดยนายหน้ารายนี้จะโพสต์ชักชวนให้ผู้คนมาเช่ารถด้วย ผ่านทางโลกออนไลน์อยู่เป็นประจำ จึงทำให้ตนเองสนใจและได้ทำการติดต่อขอเช่ารถเมื่อวันที่ 18 พ.ย.63 พร้อมให้น้องสาวโอนเงินจองไป และนัดรับรถกันเมื่อวันที่ 28 พ.ย.63 ที่ผ่านมา
เพื่อที่จะพากันเดินทางไปท่องเที่ยวยังที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงวันหยุดปลายเดือน คือ วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.63 แต่เมื่อถึงวันนัดหมายรับส่งมอบรถในวันที่ 28 พ.ย.63 ก่อนที่จะถึงวันเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ผู้รับการจองรถไว้กลับไม่นำรถมาส่งมอบให้ ตามที่ได้ตกลงนัดหมายกันไว้ และไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงได้ไปติดตามสอบถามยังที่ร้านคาร์แคร์แห่งดังกล่าว ใน อ.พานทอง
แต่กลับได้รับคำตอบว่า ทางร้านจะไม่รับผิดชอบหรือรับรู้อะไรจากการกระทำของหญิงสาวรายนี้ทั้งสิ้น โดยที่ทางร้านได้เข้าไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานยังที่ สภ.พานทอง ไว้ก่อนหน้าที่ตนจะเดินทางไปติดตามเงินค่าจองเช่ารถคืนจากทางร้านไว้ก่อนแล้ว ทั้งที่หญิงสาวรายนี้ ได้นำชื่อของทางร้านไปโพสต์ขายการให้บริการรถเช่ามาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงได้เดินทางเพื่อที่จะเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อทางพนักงานสอบสวน สภ.พานทอง จ.ชลบุรี แต่ได้ถูกปฏิเสธการรับแจ้งความ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง ได้ให้ตนเดินทางกลับไปแจ้งความร้องทุกข์ยังโรงพักท้องที่เกิดเหตุ ในขณะที่ทำการโอนเงินจองไปให้แก่ทางหญิงสาวรายนี้ จากนั้นตนจึงได้เดินทางมาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ยังที่ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุในขณะที่ทำรายการโอนเงินจองค่าเช่ารถ
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ตนและน้องสาวรวมถึงคนในครอบครัว ต่างเสียความรู้สึกไปตามๆ กันเป็นอย่างมาก ที่ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวในวันหยุดตามความต้องการที่ได้มีการนัดหมายกันไว้ และยังต้องมาเสียเงินเสียเวลาในการติดตามหาตัวผู้ที่ทำการฉ้อโกงหรือหลอกลวงรายนี้อีกเพื่อขอเงินคืน และหลังจากทำการตรวจสอบทางโลกโซเชียล “เฟซบุ๊ก” แล้ว ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนหลายรายที่ถูกหญิงสาวรายนี้ฉ้อโกงเงินไปในทำนองเดียวกันกับตน อีกเป็นจำนวนมาก
โดยในแต่ละรายนั้นล้วนถูกโกงเงินไปเป็นจำนวนมากยิ่งกว่ารายของตนอีก ไม่ต่ำกว่ารายละ 5 พันถึงเกือบ 1 หมื่นบาท แต่สำหรับรายของตนนั้น ได้โอนเงินมัดจำไปเพียงแค่ 1,500 บาทก่อน โดยตนได้บอกกับเขาไว้ว่า ในวันรับรถจึงจะจ่ายเงินให้ครบเต็มจำนวนเป็นเงิน 4,500 บาท จึงถือว่าตนถูกฉ้อโกงไปน้อยกว่ารายอื่นๆ มาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอยากนำเรื่องราวมาช่วยเตือนภัยในสังคม
ให้ผู้คนที่กำลังจะเช่ารถหรือจองรถเช่าผ่านทางการโฆษณาชวนเชื่อ บนสื่อสังคมออนไลน์นั้น ให้ใช้ความระมัดระวังจากมิจฉาชีพที่หากินโดยไม่สุจริต ทั้งที่มีหน้าร้านให้เช่ารถอยู่จริง แต่ก็ยังถูกปัดความรับผิดชอบ น.ส.ริน กล่าว
ด้าน น.ส.พิม (นามสมมุติ) วัย 32 ปี ชาว ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี หนึ่งในเหยื่อที่ถูกฉ้อโกงเงินไปเป็นจำนวน 5,000 บาท กล่าวว่า จากการที่ตนเองได้ไปทำการติดตามทวงถามและสืบค้นแก๊งค์ต้มตุ๋นสองสามีภรรยารายนี้ จนทราบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยฝ่ายชายนั้นทำหน้าที่เปิดเป็นร้านคาร์แคร์ และมีหน้าร้านให้เช่ารถ ส่วนฝ่ายหญิงทำหน้าที่เป็นเซลล์รับจองการเช่ารถ และรับโอนเงินจากลูกค้า
โดยฝ่ายหญิงได้มีการไปเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.63 ที่ผ่านมา แต่ยังได้นำภาพบัตรประชาชนเก่ามาแสดงเพื่อสร้างความมั่นใจต่อทางลูกค้าผ่านสังคมโซเชียล และทางฝ่ายชายซึ่งเป็นสามี ได้มีการนำชื่อเก่าของภรรยาไปแจ้งความดักหน้าเอาไว้ต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อทางบริษัท ทั้งที่ฝ่ายชายยังคงมีการนำข้อความการให้เช่ารถอันเดียวกันมาใช้เผยแพร่ทางโซเชียล
อีกทั้งภาพรถให้เช่า ที่ถูกนำมาเผยแพร่หลอกลวงลูกค้านั้น ยังเป็นภาพรถที่ไปก็อปปี้มาจากทางอินเตอร์เน็ต หลอกลวงกันทุกอย่างทั้งคนทั้งรถ ซึ่งตนได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ยังที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี และยังจะมีผู้เสียหายอีกไม่ต่ำว่า 5 รายที่จะเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์อีกเช่นกัน ในวันที่ 5 ธ.ค.63 นี้ น.ส.พิมพ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: